หน้าเว็บ

24 ตุลาคม 2553

148 | 2.1 กับ 2.2

เดือนนี้ผม Flash ROM ของ Spica มาหลายรอบละ ตัวเลือกมีอยู่ 2 ตัวใหญ่ๆ คือ SamdroidMod ซึ่งเป็น 2.1 (Eclair) กับ CyanogenMod ซึ่งเป็น 2.2 (Froyo) ซึ่งสองตัวนี้ผมก็สลับกันอัพไปอัพมาประมาณ 2-3 วันครั้งมาตลอด คราวนี้คิดว่าจะอัพอีกแล้ว (จากตอนนี้ใช้ SamdroidMod อยู่) ก็เลยต้องมานั่งทบทวนเหตุผลของตัวเองนิดนึงว่า ทำไมต้องอัพ แล้วทำไมต้องอัพกลับ (???)

กรณีที่ 1 : อัพเป็น CyanogenMod

ข้อดี
- ได้ใช้ Android เวอร์ชั่น 2.2
- เปิดปิด EDGE ได้ผ่าน Power Control Widget ไม่ต้องลง App เพิ่ม
- ใช้เน็ต WiFi ที่มหาลัยได้ เพราะ Browser ใน 2.2 มันรับใบอนุญาตจาก WiFi
- ได้ใช้ App ที่บังคับ 2.2
- ไม่ค่อยแฮงค์

ข้อเสีย
- กล้อง ภาพ Preview ตอนถ่ายเป็นขาวดำ / ปรับแต่งอะไรแทบไม่ได้เลย
- ถ่ายวิดีโอไม่ได้
- ใช้ Bluetooth ไม่ได้
- ต้องอัพบ่อยเพราะว่าหลายอย่างยังไม่สมบูรณ์ (ยังอยู่ในระดับ Alpha)

ข้อแก้ต่าง
- กล้อง : ทำใจไป เพราะยังไงถ่ายออกมาก็เป็นภาพสี
- วิดีโอ : ปกติก็ไม่ถ่ายอยู่แล้วเพราะมันไม่ชัด
- Bluetooth : ทำใจยากนิดนึง เพราะยังต้องใช้อยู่ในบางโอกาส
- อัพบ่อย : ไม่เป็นไรเพราะข้อมูลไม่หาย

กรณีที่ 2 : อัพเป็น SamdroidMod

ข้อดี
- สามารถใช้งานได้ทุกฟังก์ชั่น
- โปรแกรมถ่ายภาพของ Samsung ใช้ได้ดี

ข้อเสีย
- ใช้ App ของ 2.2 ไม่ได้
- มีแฮงค์อยู่บ้าง
- ใช้เน็ตในมหาลัยไม่ได้เพราะ Browser ไม่ยอมรับใบอนุญาต
- ไม่ค่อยทันยุคกะเขาเท่าไร

ข้อแก้ต่าง
- App : มันคงมีไม่เยอะหรอกมั้ง
- แฮงค์ : ทำใจยาก เพราะปกติเราก็ไม่อยากให้มือถือมันแฮงค์อยู่แล้ว
- เน็ตมหาลัย : ทำใจได้เป็นบางครั้ง ตรงนี้อาจต้องหักใจว่า เรายังมี Package EDGE อยู่เว้ย 5555
- ตกยุค : ทำใจได้เป็นบางอารมณ์

สรุปว่า ข้อนึงที่ทำให้หัวเสียมากสำหรับ 2.2 คือเรื่องกล้อง เพราะเราอัพรูปผ่าน facebook / twitter บ่อย เวลาถ่ายโดยเฉพาะเวลาแสงน้อยๆ มันกะได้ยากมาก

ดังนั้น : ทนใช้ 2.1 ไปก่อนก็ละกัน (วะ)

06 ตุลาคม 2553

147 | กูเป็นนิสิตนักศึกษา

6 ตุลารำลึกกลับมาอีกครั้งในปีนี้ครับ
ปีนี้นึกอะไรไม่ออกนอกจากกลอนบทนี้ครับ ...

กูเป็นนิสิตนักศึกษา
สุจิตต์ วงษ์เทศ (2512)

กูเป็นนิสิตนักศึกษา
วาสนาสูงส่งสโมสร
ย่ำค่ำนี่จะย่ำไปงานบอลล์
เสพเสน่ห์เกสรสุมาลี
กูเป็นนิสิตนักศึกษา
พริ้งสง่างามผงาดเพียงราชสีห์
มันสมองของสยามธานี
ค่ำนี้กูจะนาบให้หนำใจ
กูเป็นนิสิตนักศึกษา
เจ้าขี้ข้ารู้จักกูหรือไหม
หัวเข็มขัด กลัดกระดุม ปุ่มเน็คไทร์
หลีกไปหลีกไปอย่ากีดทาง
กูเป็นนิสิตนักศึกษา
มหาวิทยาลัยอันกว้างขวาง
ศึกษาสรรพรสมิเว้นวาง
เมืองกว้างช้างหลายสบายดี
กูเป็นนิสิตนักศึกษา
เดินเหินดูสง่ามีราศี
ย่ำค่ำกูจะย่ำทั้งราตรี
กรุงศรีอยุธยามาราธอน
เฮ้ย กูเป็นนิสิตนักศึกษา
มีสติปัญญาเยี่ยมสิงขร
ให้พระอินทร์เอาพระขรรค์มาบั่นรอน
อเมริกามาสอนกูเชี่ยวชาญ
กูเป็นนิสิตนักศึกษา
หรูหราแหลมหลักอัครฐาน
พรุ่งนี้ก็ต้องไปร่วมงาน
สังสรรค์ในระดับปริญญา
ได้โปรดฟังกูเถิดสักนิด
กูเป็นนิสิตนักศึกษา
เงียบโว้ย-ฟังกู--ปรัชญา
กูอยู่มหาวิทยาลัย...
...กูอยู่มหาวิทยาลัย
รู้ไหม เห็นไหม ดีไหม
อีกไม่นานเราก็ต่างจะตายไป
กอบโกยใส่ตัวเองเสียก่อนเอย.


เคยอ่านกลอนบทนี้ในบอร์ดมหาลัยเมื่อหลายปีก่อน ประทับใจครับ ฝากให้อ่านต่อกันด้วยละกัน นิสิตนักศึกษาทั้งหลายครับ

29 กันยายน 2553

146 | Civilization V

เพิ่ง Download มาลองเล่นเมื่อคืนนี้เองครับ อ่านรีวิวในหลายๆ เว็บเขาบอกว่าภาคนี้มีประเทศสยามด้วย พอเข้าเกมก็เลือกประเทศนี้แหละ ปรากฏว่าตอนที่กำลังอยู่ในหน้า Loading นั้นเอง ....


นี่คือหน้า Loading ที่อธิบายเนื้่อหาของเกมและอื่นๆๆๆ

ตัวละครในรูปคือ พ่อขุนรามคำแหง ครับ
แต่หน้าตัวละครนี่ไม่รู้คนออกแบบเกมคิดยังไงของเขา !!!???


ป.ล. จริงๆ ลืมไปแล้วแต่เมื่อกี้เห็น @ifew โพสต์ขึ้น facebook เลยนึกขึ้นได้ 55555

28 กันยายน 2553

145 | วันที่น่าจดจำ

ช่วงนี้โคตรขี้เกียจเขียน Blog เลยครับ

ก็อย่างที่เห็นกัน (ถ้ายังอ่านกันอยู่ 555) คือผมไม่ได้เขียน Blog มาเกือบ 4 เดือนแล้ว ถ้านับเดือนมิถุนายนที่เขียนเรื่องซื้อมือถือใหม่เรื่องเดียว ผมก็ไม่ได้เขียนอะไรอีกเลย ตลอดทั้งเดือนกรกฏาคมและสิงหาคม (ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เว้น Blog ไว้เต็มๆ เดือน) แล้วก็เกิดอยากจะมาเขียนอะไรนิดหน่อยเอาวันนี้ซึ่งเป็นปลายเดือนกันยายน โอ้ว...ผมไม่ได้หายหน้าหายตาไปจากโลกออนไลน์นะครับ เพราะว่าการเคลื่อนไหวของผมใน facebook และ foursquare ยังคงต่อเนื่องเหมือนเดิม (จะมีแต่ twitter ที่นานๆ เข้าที แต่ยังยิงรูปจาก twitpic กับพิกัดจาก foursquare อยู่)

แล้วชีวิตที่หายไปจาก Blog สุดรักนี้ ผมไปทำอะไรมาละ

ที่จำได้แบบคร่าวๆ ก็คือ ผมก็ทำงานสอนไปตามปกติ พร้อมกับเตรียมงานร่างพัฒนาหลักสูตรใหม่ แล้วจู่ๆ ก็ต้องไปดูงานติดต่อกันถึง 3 ที่คือ งาน wunca ม.เทคโนโลยีสุรนารี (ได้กระเป๋าโน้ตบุ้คกับเสื้อ STU มา) ตามด้วยหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และงานพัฒนาหลักสูตรที่ จ.พระนครศรีอยุธยา หลังจากกลับมาก็เร่งงานพัฒนาเว็บ ตามด้วยงานเขียนเอกสารประกอบการสอน (เพื่อใช้ประเมินต่อสัญญาจ้าง) และก็แวบไปหา Advisor ที่ มน. เอา Paper ไปส่ง (และโดนสั่งให้กลับมาแก้อีกบานตะไท) สุดท้ายก็เพิ่งจะปิดงานเว็บ, หลักสูตร และเอกสารประเมินไปพร้อมๆ กันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เอง

ที่น่าจดจำมากก็คือ สภาพของผมเมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่แล้ว ผมอยู่ในสภาพเงินเดือนหมดเกลี้ยง หมดชนิดที่ว่าควานหาเศษเหรียญตามที่ต่างๆ ในห้องนอนและห้องทำงานมารวบรวมแล้วใช้จ่ายให้พอพ้นไปวันๆ มาม่าสามมื้อต่อวันกลายเป็นเรื่องปกติ ที่หนักๆ ก็คือผมวิกฤตขนาดที่เวลาเลิกงานต้องขับรถกลับบ้านช้าๆ เพราะว่าถ้าน้ำมันหมดแล้วจะไม่มีเงินเติม และถ้าเกิดอุบัติเหตุเช่น ยางรั่ว ผมก็ไม่มีแม้แต่เงินมาปะยาง !!! ทั้งหมดนี้ไม่ได้โทษใครหรอกครับ แต่มันเกิดจากการที่ผมไม่รู้จักระมัดระวังเรื่องการใช้เงินเอง

แล้วสภาพแบบนั้นแหละครับ ผมต้องนั่งทำงานอยู่ที่มหาลัยเพื่อจัดการทุกอย่างให้เสร็จทันกำหนด เวลางาน 8 ชั่วโมงไม่เพียงพอเสียแล้ว ภาพที่ผมขี่มอเตอร์ไซค์ช้าๆ ออกจากมหาลัยตอนตี 1 ตี 2 คงเป็นภาพชินตาของเหล่ายามหน้าประตูที่เห็นกันตลอดช่วง 2-3 สัปดาห์นั้นเลยทีเดียว สภาพแบบนั้นเป็นอะไรที่ติดตรึงใจมากครับ มันมีทั้งความเหนื่อย ความท้อแท้ ความหิว ความเครียดแบบจิตตกสุดๆ ไอ้การจะไปคลายเครียดพักสายตากับเบียร์ซักกระป๋องแล้วกลับมาทำงานต่อยังเป็นไปไม่ได้เลยในช่วงเวลานั้น

มาถึงตอนนี้ เมื่อเหตุการณ์มันผ่านพ้นไปหมดแล้ว ผมรู้สึกว่าอะไรบางอย่างในตัวผมเริ่มเปลี่ยนไปบ้างแล้วครับ ในเรื่องงานผมเข้าใจดีถึงความจำเป็นในการทำงานให้เสร็จตามกำหนดเวลา และมันก็ทำให้เราแกร่งขึ้น ทนงานขึ้นมาอีกเยอะ (เคยเจอสภาพคล้ายๆ กันแบบนี้มาสองครั้งคือ โปรเจ็ค ป.ตรี และ IS ป.โท ซึ่งแต่ละครั้งมันก็ทำให้ผมทนทายาดขึ้นอีกเยอะเลย) ส่วนเรื่องเงินทองตอนนี้แม้จะมีเพียงเหรียญบาทสักเหรียญหล่นอยู่ตรงหน้า ผมก็จะเห็นมันเสมือนว่ามีสร้อยคอทองคำตกอยู่แบบนั้นเลยเชียว ผมเข้าใจค่าของเงินมากขึ้นอีกนิดหลังจากที่ได้พบกับรสชาติชีวิตตรงนั้นมา วันนี้ทุกอย่างกลับสู่สภาพปกติแล้วครับ และผมก็ได้รับผลตอบแทนจากความเหน็ดเหนื่อยตรงนั้นมา หลังจากที่ได้ให้รางวัลกับตัวเองไปพอสมควรแล้ว ผมจะสัญญากับตัวเองว่าผมจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีกเป็นอันขาด

ทำงานมาเกือบ 5 ปี วันนี้เป็นวันที่ตัวเลขในบัญชีของผมสวยงามที่สุดเท่าที่มันเคยมีมาเลยครับ รู้สึกว่าภูมิใจจริงๆ ที่เรายังทนอยู่ได้มาจนถึงวันนี้ 55555555+

18 มิถุนายน 2553

144 | My Android

กลับมาเขียน Blog อีกครั้งหลังจากขี้เกียจมานานแสนนาน...ขี้เกียจจริงๆ นะครับ ทั้งๆ ที่มีเรื่องอยากเขียนเยอะ ไหนเรื่องพัทยาก็ยังเล่าไม่จบ ทั้งเรื่องที่ไปมาเลเซีย ทั้งเรื่องจิปาถะมากมาย แต่ก็ไม่อยากเขียน (รูปยังขี้เกียจอัพขึ้น facebook เลย) วันนี้เซ็งๆ ไม่อยากทำอะไร แต่อยากเขียน Blog ซะงั้น ...เออเขียนซักเรื่องแล้วกัน

คือเมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมเอาโทรศัพท์เครื่องเก่า (Nokia 5800 XpressMusic) ไปขาย แล้วเทิร์นเครื่องใหม่มา และก็เป็นโทรศัพท์ที่ฝันไว้จริงๆ นั่นก็คือ "SAMSUNG Galaxy Spica (i5700)" นั่นเองครับ



สีขาวแบบในรูปนี้เลยครับ

ไอ้ที่ฝันไว้ไม่ใช่ความที่มันเป็น SAMSUNG หรอกครับ แต่เป็นข้างในของมันที่เป็น "Android" ต่างหาก

คือผมอยากได้โทรศัพท์ที่เป็น Android มานานแล้ว และด้วยกำลังทรัพย์ที่มี ผมมีตัวเลือกที่สามารถซื้อได้เพียง 2 รุ่นเท่านั้น คือ WellCom A88 และ SAMSUNG Spica ซึ่งพิจารณาดูแล้ว ผมคาดว่าถ้าซื้อ WellCom มาสงสัยจะไม่เข้าท่าแน่ๆ เพราะว่ามันไม่น่าไว้ใจเลยสำหรับโทรศัพท์ House Brand ถ้าเทียบราคาแล้ว ยอมจ่ายแพงอีกนิดนึงแล้วซื้อ SAMSUNG อย่างน้อยด้วยยี่ห้อของมันก็ทำให้พอไว้ใจได้บ้างแหละ

จนกระทั่งมาถึงวันที่ Spica ลดราคาจากหมื่นกว่าๆ เหลือ 9,900 ผมตัดสินใจหักดิบเลย "ซื้อเว้ย" แล้วก็เอาเครื่องเก่าไปเทิร์นกันง่ายๆ แบบนี้แหละครับ ได้ราคามิตรภาพมา 9,600 ก็โอเคครับ

OS ที่ได้มากับเครื่องเป็น 1.5 ครับ ผมก็เอามาอัพเองเป็น 2.1 หลังจากนั้นก็ค่อยๆ หัดใช้มาเรื่อยๆ เปลี่ยน App นู่นนี่ทุกวัน จนตอนนี้ก็เริ่มจะเป็นงานบ้างแล้วครับ



HomeScreen ของ 2.1 เครื่องนี้เป็นแบบนี้ครับ

ประทับใจ Android จริงๆ มันตอบโจทย์ได้ทุกอย่างเลย ตอนแรกผมก็อ่านๆ ข้อมูลมาบ้างว่าโทรศัพท์ Android ใช้ยังไง แล้วต้องทำยังไงกับมันบ้าง แต่พอมาอยู่ในมือจริงๆ ก็ไม่เป็นงานซะเลย

เริ่มแรกก็คือหาวิธีปิด EDGE ตรงนี้หาข้อมูลไม่ยากครับ ผมใช้ APNdroid โหลดจากใน Market ฟรี แก้ปัญหาได้เรียบร้อย

ปัญหาต่อมาคือ เบอร์โทรศัพท์ เครื่องเดิมผม Sync เบอร์ทั้งหมดลง Outlook ไว้เรียบร้อยแล้ว แต่พอมาเครื่องใหม่ผมหาวิธีเอาเบอร์จาก Outlook กลับลงไปในมือถือไม่ได้ แล้วจู่ๆ ก็มีเหตุที่้ต้องโทรออกกะทันหัน ก็วุ่นวายน่าดูครับต้องโทรไปหาเพื่อนเพื่อขอเบอร์มาโทรอีกที 555555

สุดท้ายก็มาเข้าใจว่า Google Sync มันคืออะไร แล้วก็ทำการ Sync เบอร์เข้า Gmail และ Sync ลงมือถือเรียบร้อย ...จริงๆ แล้วถึงจะวุ่นวายเวิ่นเว้อขนาดนี้ แต่ผมกลับประทับใจแนวคิดการ Sync Contact แบบนี้มากๆ เลย (รู้สึกว่ามันชัดเจนแล้วก็ใช้ง่ายกว่า Ovi Contact อีก)

ปัญหาใหญ่ต่อมาคือ ผมไปโหลดโปรแกรมจำพวก Task Manager มาลง ตอนแรกใช้ Advanced task Manager Free แต่ไม่ชอบไอคอนมันก็เลยเอาออก แล้วก็ลองหาตัวอื่นดู ปรากฏว่าไปเจอตัวนึงชื่อ Advanced Task Killer Free ไอคอนสวยงามมากมายครับเป็นรูปหุ่นกระป๋องเขียวอย่างเท่อะ เอาละวะลงเล้ย :)



ไอคอนหุ่นเขียวนั่นแหละครับ จำหน้ามันไว้ๆ

...ความซวยมาเยือนครับ แบตเตอรี่ผมหมดฮวบฮาบอย่างไม่ทันตั้งตัว ซึ่งผมก็ไม่รู้จริงๆ ว่ามันเกิดจากอะไร แบตหมดแล้วไม่พอ ชาร์ตใหม่อีกประมาณ 4-5 ชั่วโมงกว่าจะเต็ม พอเต็มปุ๊ปเอาสายออก แบตหายไปทันที 10% (ชิบหาย) มันเกิดอะไรกันนี่ ผมลนลานมากหาทางออกไม่ได้ Search ตามเน็ตก็ไม่เจอ (ผมไปตั้งกระทู้ถามในพันทิป ตามนี้) จนได้คำตอบจากกระทู้นี่แหละครับว่าไอ้กระป๋องเขียวนี่แหละตัวการ เอาออกซะแล้วกลับไปใช้ของเดิมดีกว่า ขี้เหร่หน่อยก็ยอมดีกว่าแบตชาร์ตครึ่งวันใช้ครึ่งวัน เหอะๆๆๆ

หมดปัญหาเรื่องแบตแล้ว ต่อมาคือเรื่อง HomeScreen อืด ตอนแรกที่ดูใน youtube มันก็อึดจริงๆ นั่นแหละ และผมก็เตรียมใจไว้แล้วว่า ...เออ ช่างเหอะ อย่างน้อยมันก็เร็วกว่า 5800 XM หน่อยนึงละวะ แล้วมันก็อึดคามือจนได้ ผมอึดอัดใจมานานหลายวันก่อนจะพบว่า เจ้า HomeScreen ที่มากับ Spica เนี่ยมันคือ Pantheon และมันเปลี่ยนได้ !!! (จริงๆ มัน Uninstall ได้แต่คงต้อง root ซึ่งผมยังไม่กล้าหาญขนาดนั้น) ผมก็เลยเปลี่ยนมาลง LauncherPro แทน ซึ่งมันก็ลื่นปรื๊ดดดด สวยงามสมปรารถนา

หลังจากนั้นผมก็ลองลง App นู่นนี่มากมาย ผมก็เริ่มรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น ตอนนี้ประทับใจมากๆ แล้วครับ และยังคงต้องศึกษามันต่อไป เล่าไว้เท่านี้ก่อนครับถ้ามีอะไรหนุกหนานจะกลับมาอัพเดทต่อ....ถ้าไม่ขี้เกียจ 5555555555555555+

17 พฤษภาคม 2553

143 | R.I.P. เสธ.แดง



ตอนแรกว่าจะพักเขียน Blog ยาว เพราะว่าเรื่องไปพัทยาก็ยังเขียนไม่จบ (ขี้เกียจ) แถมมีเรื่องอื่นๆ ที่น่าเขียนอีกเยอะ ก็เลยกะว่าจะตุนไว้เขียนทีเดียวเวลาว่างๆ แต่วันนี้ต้องมาเขียนไว้อีกเรื่องหนึ่งก่อนครับ

ตั้งแต่คืนวันที่ 17 พฤษภาคม ประมาณทุ่มกว่าๆ ผมกำลังทานข้าวกันที่บ้าน ในขณะเดียวกันก็เปิด Twitter ไปด้วยดูข่าวไปด้วย แล้ว Tweet ของใครสักคนก็รายงานมาว่า เกิดเสียงระเบิดและเสียงปืนขึ้นในกลุ่มผู้ชุมนุมที่สวนลุมฯ

...แล้ว เสธ.แดง ก็ล้มลง



สี่วันต่อมา เสธ.แดงก็เสียชีวิตลงเมื่อเช้าวันนี้เอง ด้วยภาวะไตวายเฉียบพลัน

ผมรู้จักเสธ.แดงครั้งแรกเพราะคุณ joice แนะนำให้ไปอ่านเว็บ sae-dang.com ซึ่งอ่านแล้วก็รู้ๆ แนวคิดของแกอยู่ แต่ที่ถูกใจก็คือแกมักจะมีข้อมูลแปลกๆ ที่เราไม่ค่อยรู้มาให้อ่านอยู่บ่อยๆ อย่างเช่นเรื่องเขาพระวิหาร รวมไปถึงพวกรูปถ่ายเก่าๆ สมัยแกยังหนุ่ม (ที่ฮาคือเรื่องที่แกออกมาเถียงว่าเคยเรียนจุฬาฯ)

ในวันนี้ถึงผมจะไม่ชอบเสธ.แดงคนนี้นัก แต่ก็ยอมรับว่ารู้สึกใจหายเหมือนกัน

อโหสิกรรมนะครับเสธ. ขอให้สู่สุขคติ...

24 มีนาคม 2553

140 | กระดานโกะมาแล้ว



วันนี้ อจ.แมนเอากระดานโกะมาให้ เพราะว่าฝากแกไปซื้อที่โคราช ราคา 1,000 บาทถ้วน

ปลาบปลื้มมากเพราะว่าเคยซื้อกระดานโกะแบบกระดาษ กล่องละ 150 มาเล่น แล้วกระดานกระดาษหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ นับแต่นั้นมาก็อยากได้กระดานไม้มาตลอด วันนี้ได้เป็นเจ้าของกระดานไม้จริงๆ แล้ว ดีใจม๊ากมาก 55555555555+



เม็ดหมาก เซรามิกส์ สวยงาม วางแล้วดัง เผียะ !!



วางบนที่นอนแล้วดูดี

หลังจากนี้ก็คงต้องกลับมาเริ่มนับหนึ่งกันใหม่ละครับ ยุทธจักรหมากล้อม (พูดเหมือนเก่งจริงๆ คือผมอ่อนโคตรๆ 555555+)

139 | นาคปรก

วันนี้ไปดูหนังมาครับ เป็นอีก 1 เรื่องที่รอคอยมานานหลายปี นั่นก็คือ "นาคปรก" ครับ



วิจารณ์แบบส่วนตัว
หนังทำออกมาได้ความรู้สึกแรงสมใจที่หลายๆ คนรอเลยทีเดียว (อย่างที่เราได้เห็นกันในตัวอย่าง) ลองมาดูประเด็นต่างๆ ที่ผมเห็นจากหนังเรื่องนี้กันครับ

บัวสี่เหล่า ผมเข้าใจว่าน่าจะพูดถึง สิงห์ (บัวใต้โคลน), ป่าน (บัวใต้น้ำ), ปอ (บัวปริ่มน้ำ และอาจจะพ้นน้ำ) บัวใต้โคลนนี่มีหลายคนในเรื่องครับ แต่ไม่บอกดีกว่าเดี๋ยวจะกลายเป็น Spoil

ครอบครัว หนังใช้ประเพณีการบวชเรียนของชายไทย และเรื่องของผ้าเหลือง มาเป็นสัญลักษณ์ในการเปรียบเทียบให้เห็นความสำคัญของสถาบันครอบครัว ความแตกแยกของสถาบันครอบครัวโดยสังคมปัจจุบัน ฉากที่ป่านขึ้นเทศน์เป็นจุดที่เห็นอารมณ์นี้ชัดเจนที่สุดแล้วมั้งครับ ผมก็น้ำตาร่วงเอาเหมิือนกันเพราะอายุป่านนี้แล้วยังไม่ได้บวชพระเลย รู้สึกว่าคำพูดของป่านในฉากนี้โดนใจเอามากๆ

คนบาป ตัวละครในเรื่องแต่ละคนนี่ก็บาปออกนอกหน้าสุดโต่งเลย ตัวละครอย่าง สิงห์, ผึ้ง แสดงให้เห็นถึงความดำมืดสนิทที่ไม่อาจขัดเกลา เป็นตัวละครที่นักวิจารณ์อาจจะบอกว่า "แบนเกินไป ไม่มีมิติ" แต่ผมกลับรู้สึกว่า คนแบบนี้มีจริงๆ ในสังคมเราทุกวันนี้ครับ (แต่จะขัดเกลาให้บัวเหล่านี้อกกจากตมได้หรือไม่ไม่รู้) นอกจากนี้ตัวละครสีเทา อย่าง ป่าน, ปอ และคนอื่นๆ ในเรื่อง ก็เป็นลักษณะที่เอามาสอนใจได้อยู่ แต่พอมองในภาพรวมแล้วกลับกลายเป็นว่า ตัวละครทุกตัวทำให้ "ภาพสมจริง" ในเรื่อง กลายเป็น "ภาพหลอกๆ" ไปเสียได้ ...คือรู้สึกเองว่ามัน Over Acting เกินไปอะครับ

ศาสนาเสื่อม หลวงตาทำได้แสบจิตจริงๆ ครับ ฟังคำสอนหลวงตามาทั้งเรื่อง แล้วมาหักมุมเอาซะขาขวิดเลย (แต่ส่วนตัวผมคิดว่าคำสอนหลวงตาผมไม่ค่อยรู้สึกอะไรเท่าไรนะ ฟังดูมันเป็นเปลือกมากๆ) ส่วนความเสื่อมของศาสนาผมยังรู้สึกว่ามันยังไม่แรงพอครับ เทียบกับภาพลักษณ์ของสงฆ์แย่ๆ ที่เราเห็นกันตามหน้าหนังสือพิมพ์หรือในข่าวทีวีแล้ว ความเสื่อมในหนังดูหลอกๆ ไปเลย แต่ก็เข้าใจละครับว่ามันอาจจะโจ่งแจ้งเกินไปนัก เอาเป็นว่า คิดซะว่าหนังเน้นประเด็นนี้เป็นประเด็นรองก็ละกัน

ถ้ามองในประเด็นครอบครัวแล้วหนังเรื่องนี้จะเป็นหนังที่ดีมากเลยครับ แต่ถ้ายึดประเด็นศาสนาแล้ว อาจจะทำให้เรามองหนังเรื่องนี้ด้อยค่าลงไปเหลือเพียงหนัง "พยายามจะแนว" ก็ได้

สรุปแล้ว ถ้าให้ดูเป็นหนังสนุกๆ ก็โอเคครับ และถ้าจะหาคุณค่าจากหนังเรื่องนี้ ประเด็นครอบครัวให้ผมได้มากที่สุดเลย ส่วนเรื่องศาสนานั้นผมเฉยๆ ครับ ที่เราเห็นในชีิวิตจริงมัน "แรง" กว่านี้เยอะ

สรุปว่าขอให้ 8/10 พอครับ


03 มีนาคม 2553

138 | Google Chrome & me




ไม่ได้เขียนนานจริงๆ ครับ วันนี้เกิดอยากเขียนอะไรนิดนึง

คือตอนนี้กำลังสนุกกับ Google Chrome อยู่ หลังจากที่ตอนออกมาใหม่ๆ ลองเล่นแล้วไม่ปลื้ม รู้สึกว่าใช้ Mozilla Firefox แล้วสบายใจกว่า

ผมชอบ Firefox มากๆ และชอบมาตั้งแต่สมัยออกใหม่ๆ แล้ว (จริงๆ คือชอบมาตั้งแต่สมัยเป็น Mozilla ไดโนเสาร์สีแดงด้วยซ้ำ) ด้วยเหตุผลหลักๆ ดังต่อไปนี้

- ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ
- ความสนุกในการลง extension (ปัจจุบันเรียก Add-On)
- ความวุ่นวายในการติดตั้งไอ้นู่นไอ้นี่เอง (พวก Plug-In ต่างๆ เช่น WMP, Flash Player) มันดูเหมือนเราเก่ง 5555+
- ความที่มันแสดงผลได้เป็นมาตรฐาน ..อย่างน้อยกว่ามาตรฐานกว่า IE แหละ
- ความที่มันเหมือน Opera แต่อ่านไทยได้ดูดีกว่า
- ความที่มันเป็น Open Source :)

ผ่านไปนานพอสมควร จน Chrome ออกเวอร์ชั่นใหม่ออกมาเรื่อยๆ วันนึงก็เลยรู้สึกว่า ลองกลับมาใช้ดูดีกว่า ประกอบกับที่เบื่อ Firefox อย่างหนึ่ง (อย่างเดียวเท่านั้น !) คือ ความอืด ครับ (ไหนสัญญาว่าเวอร์ชั่น 3 จะไม่กระหาย RAM แล้วไง T_T) ยิ่งเวลาเปิดเกมบน facebook อะไรนี่ เงิบครับ เซง

พอมาใช้ Chrome ตอนนี้ก็พบว่า อะไรๆ ที่บกพร่องหลายๆ อย่างก็ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นจนน่าใช้เลยเชียว (ข้อบกพร่องบางอันก็ยังมีนะครับดังที่หลายๆ เว็บว่าไว้ แต่พอยอมๆ ได้) ผมก็เลยตั้ง Chrome เป็น Default Browser ในเครื่องที่ทำงาน และใน Notebook (ลง Windows 7) แล้วลองใช้ไปๆ โดยไม่พึ่ง Firefox ดู อืม...มันก็ใช้ทำงานได้แฮะ !!!

(งานเว็บที่ทำช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาผม Test ใน Chrome เป็นหลักครับ อาจจะฟังดูไม่ดีแต่ผมก็ไม่ง้อ User เท่าไร 55555 จำได้ว่าครั้งนึงเคยทำเว็บที่มันจะดูดีเฉพาะบน Firefox มาแล้วด้วย User ที่ใช้ IE ด่ากันแหลกลาญ แต่ผมไม่สนครับ อืมมมเลวแท้)

ตอนนี้ Chrome มี Extension ให้เลือกติดตั้งและเล่นแล้ว ผมก็ลองลงอยู่หลายอัน เช่น Metrist (Twitter Client), Google Mail Checker, RSS Subscription, Google Reader Notifier เป็นต้น ก็พบว่าโอเคดีทุกตัวครับ สนุกขึ้นเรื่อยๆ แล้วสำหรับ Chrome ของผม โอ้วววว

ล่าสุด ณ นาทีนี้ ผมก็ได้ตั้ง Chrome เป็น Default Browser ในทุก OS ของคอมทุกเครื่องที่ผมใช้อยู่เรียบร้อยแล้วครับ ความประทับใจที่สุดที่ทำให้เลือก Chrome ตอนนี้ก็คือ

มันไม่อืด ครับ !!!

17 กุมภาพันธ์ 2553

137 | แห่กลางคืนอันเงียบเหงา

ปีนี้รู้สึกว่างานไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไรครับ เมื่อคืนมีแห่กลางคืนก็เลยไปดูมาแวบเดียว ได้ภาพมาฝากนิดหน่อย



แถวหน้าบ้านผมมีปาโป่งเยอะมาก แล้วคนก็เล่นกันแน่นทุกวัน



ไปถึงแถวหน้าศรีไกรลาสก็เจอขบวนมังกรพอดี เฉี่ยวหน้าไปนิดเดียว (เกือบโดนด่า 5555)



มังกรไปขึ้นเสาที่แยกตรอกชุนหงษ์ครับ



พ่นไฟ จุดพลุกันเปรี้ยงปร้างตามท้องเรื่อง แต่ผมว่าปีนี้พลุน้อยไปอะ

วันนี้ก็มีแห่กลางวันครับ แต่ผมมาทำงาน ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะกลับไปดูดีหรือเปล่า

08 กุมภาพันธ์ 2553

136 | ยุคสมัยแห่งการติดต่อสื่อสารเปลี่ยนไป



เมื่อประมาณ 16 ปีก่อน...

ผมใช้เหรียญบาท หยอดตู้โทรศัพท์หน้าโรงเรียนกวดวิชา โทรเข้าเบอร์บ้านให้พ่อมารับ

เมื่อประมาณ 8 ปีก่อน...
ผมใช้โทรศัพท์มือถือ โทรจากประตูหลังบ้าน เข้าเบอร์บ้านให้พ่อลงมาเปิดประตูให้ เวลากลับดึก

เมื่อประมาณ 4 ปีก่อน...
ผมใช้โทรศัพท์มือถือ โทรจากประตูหลังบ้าน เข้าเบอร์โทรศัพท์มือถือพ่อ ให้พ่อลงมาเปิดประตูให้ เวลาเที่ยวดึก

เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน...
ผมใช้โทรศัพท์มือถือ ส่ง SMS เข้าเบอร์โทรศัพท์มือถือพ่อ เพื่อบอกหมายเลขบัญชีให้พ่อโอนเงินมาให้ยามฉุกเฉินเวลาไปเรียนโท

เมื่อประมาณ 1 ปีก่อน...
ผมใช้โทรศัพท์มือถือ ถ่ายภาพและส่ง MMS เข้าเบอร์โทรศัพท์มือถือพ่อ รายงานการเดินทางเวลาไปศึกษาดูงานต่างจังหวัด


วันนี้...
พ่อเกษียณอายุ นั่งเล่นเน็ตอยู่บ้าน ผมมีงานต้องรับผิดชอบมากขึ้น เข้างานเช้ากลับบ้านดึกทุกวัน จนพ่อแม่ลูกไม่ค่อยมีเวลาได้คุยกันเท่าไรนัก

...ไม่นึกว่าวันนึงจะได้มาคุยกันผ่าน twitter แบบนี้ ...โลกเราเปลี่ยนแปลงเร็วจริงๆ

02 กุมภาพันธ์ 2553

135 | บทความ Science.News พฤศจิกายน 2552

บทความที่เขียนลง Science.News จดหมายข่าวคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ ฉบับเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2552

อันนี้เขียนเกี่ยวกับ Twitter เพราะช่วงนั้นกำลังบ้า Twitter กะ อจ.โอมครับ 5555+



ทำความรู้จักกับ twitter
ชยันต์ นันทวงศ์
สาขาวิชาคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ

twitter เป็นบริการส่งข้อความผ่านเว็บลักษณะที่เรียกกันว่า “Micro-bloging” โดยรูปแบบจะเน้นการส่งข้อความแบบสั้น ไม่เกิน 140 ตัวอักษรในแต่ละครั้ง แต่สามารถส่งได้เรื่อยๆ ไม่จำกัดจำนวนครั้งในแต่ละวัน โดยมีจุดประสงค์เพื่อที่จะบอกว่า คุณกำลังทำอะไรอยู่ ณ ขณะนั้น เช่น “กำลังทานข้าวกลางวัน”, “กำลังเรียนหนังสือ” เป็นต้น

twitter สามารถเข้าถึงได้หลายช่องทาง เช่น จากเว็บไซต์หลัก (www.twitter.com) จากโทรศัพท์มือถือที่สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต (http://m.twitter.com) หรือจากโปรแกรมจำพวก twitter client ที่ติดตั้งบน Windows อีกมากมาย เช่น Seesmic (www.seesmic.com) เป็นต้น ด้วยความสะดวกในการเข้าใช้นี้เอง ทำให้เราสามารถส่งข้อความ หรือที่เรียกกันว่า Tweet ได้อย่างง่ายดายไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม

จุดสำคัญที่ทำให้ twitter มีประโยชน์มากกว่าการบันทึกชีวิตประจำวันก็คือ เราสามารถติดตาม (Following) คนอื่นๆ ที่ใช้ twitter เหมือนกันที่เราสนใจได้ เช่น บุคคลที่มีชื่อเสียง, ดารา, นักร้อง ฯลฯ เมื่อคนๆ นั้นอัพเดทข้อความใดขึ้น twitter เราก็จะได้รับข้อความนั้นๆ ไปพร้อมกันด้วย ในกรณีเดียวกันหากเรามีผู้มาติดตาม (Follower) เขาก็จะได้รับข้อความที่มีการอัพเดทจากเราเช่นกัน
แล้วการติดตามคนอื่น หรือให้คนอื่นมาติดตามเรานั้นมีประโยชน์อย่างไร ประโยชน์ของ twitter ในส่วนนี้ เป็นดังนี้ครับ

1. การแลกเปลี่ยนความสนใจ ความรู้ ประสบการณ์ ส่วนใหญ่คนที่เล่น twitter เวลาไปอ่านบทความที่น่าสนใจ หรือไปในสถานที่ที่มีกิจกรรมน่าสนใจ ก็มักจะนำมาเผยแพร่หรือบอกต่อใน twitter คนที่ติดตามก็จะได้รับข้อมูลส่วนนี้ และสามารถแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นได้ในทันที

2. ข่าวสาร เหตุการณ์สด มีตัวอย่างหลายครั้งที่ twitter ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการรายงานสถานการณ์ รายงานเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้น โดยผู้ใช้ twitter ที่อยู่ในเหตุการณ์ หรือผู้ที่ได้รับข่าวสารก่อนใครก็สามารถที่จะบอกต่อให้คนอื่นๆ ใน twitter ได้รับรู้เช่นกัน ตัวอย่างที่เกิดขึ้นล่าสุดที่น่าสนใจคือ สุทธิชัย หยุ่น (@suthichai) สัมภาษณ์ นภจักษ์ อัตตนนท์ (@noppajak) นักข่าวเนชั่นที่เกาะติดสถานการณ์วิศวกรไทยโดนจับที่กัมพูชา เมื่อคืนวันที่ 14 พฤศจิกายน 2552 โดยคำถามที่ @suthichai สัมภาษณ์ @noppajak นั้นก็เป็นคำถามที่ได้รับมาจากผู้ที่ติดตาม @suthichai ณ ขณะนั้นอีกที เป็นต้น

3. เกิดสังคม กลุ่มเพื่อนใหม่ๆ เมื่อคนที่สนใจเรื่องเดียวกัน มาพูดคุยกันในเรื่องเดียวกัน แลกเปลี่ยนความรู้ความสนใจกัน สามารถก่อให้เกิดสังคมกลุ่มย่อยๆ ที่มีความสนใจเฉพาะด้านเดียวกันได้ นับว่า twitter เป็นเครื่องมือสื่อสารที่สามารถทำให้เราได้รู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ ได้จากหลากหลายสถานที่

4. ช่องทางแจ้งข่าว ประชาสัมพันธ์ ในปัจจุบันมีองค์กรหลายแห่งทั้งหน่วยงานราชการและเอกชน รวมไปถึงบริษัทร้านค้า ที่ใช้ twitter ในการเผยแพร่ข่าวสาร ประชาสัมพันธ์สินค้าหรือบริการใหม่ๆ ซึ่งช่องทางดังกล่าวนอกจากจะทำให้สามารถเข้าถึงผู้ใช้ที่สนใจจริงๆ (เพราะว่าติดตามเรา) แล้ว ยังเป็นวิธีการประชาสัมพันธ์ที่ประหยัดต้นทุนได้เป็นอย่างมากอีกด้วย ตัวอย่างเช่น ร้านหนังสือนายอินทร์ (@naiin) ที่จะแจ้งข่าวสินค้าลดราคา หรือหนังสือออกใหม่ ผ่านทาง twitter เป็นประจำ เป็นต้น

จะเริ่มใช้ twitter ต้องทำอย่างไรบ้าง ?

1. สมัครสมาชิก ที่ www.twitter.com เมื่อสมัครแล้วจะได้รับ URL สำหรับเปิดดู tweet ของเราเอง คือ www.twitter.com/ชื่อผู้ใช้ ซึ่งชื่อผู้ใช้เราต้องตั้งเองครับ

2. เริ่มต้น Tweet หากไม่รู้จะ Tweet เรื่องอะไร ก็พิมพ์ไปเรื่อยๆ ครับ เช่น ทานข้าว, ดูหนัง, สอนหนังสือ, กำลังจะนอน ฯลฯ

3. ติดตาม (Follow) คนที่สนใจ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเราสนใจใคร หรือคนที่เราสนใจนั้นเขาใช้ twitter หรือเปล่า วิธีการที่ง่ายที่สุดคือ เข้าไปยังหน้า twitter ของใครก็ได้ที่เรารู้จัก แล้วดูรายชื่อคนที่เขาติดตาม หรือคนที่ติดตามเขา เพียงเท่านี้เราก็จะได้รู้จักคนอีกหลากหลายครับ ตามกันไปตามกันมาเดี๋ยวก็เจอ

4. มีคนติดตาม (Follower) เมื่อเราติดตามคนบ้าง และ Tweet บ่อยๆ นั่นหมายความว่าเราเริ่มมีตัวตนในวงการแล้ว อีกไม่นานก็จะมีคนมาเป็นผู้ติดตาม (Follower) เราเองครับ

หากสนใจก็ลองใช้ดูนะครับ หากมีข้อสงสัยประการใดสามารถ Tweet มาสอบถามได้ ที่ อ.ชยันต์ นันทวงศ์ (@sawanlunla) และ อ.เอกวิทย์ สิทธิวะ (@iamohm) ครับ ยินดีช่วยเหลือให้คำแนะนำทุกคำถามครับ อ้อ! เกือบลืมไปว่า คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเราก็มี twitter สำหรับแจ้งข่าวสารแล้วนะครับ ไปติดตามกันได้ที่ @scinsru ครับ.

134 | บทความ Science.News สิงหาคม 2552

บทความที่เขียนลง Science.News จดหมายข่าวคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ ฉบับเดือนสิงหาคม พ.ศ.2552

งัดของเก่ามาอวดกันใหญ่ครับ เพื่อให้ Blog มันขยับบ้าง 55555+



ทำความรู้จักกับ Android

ชยันต์ นันทวงศ์
สาขาวิชาคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ

ประเทศไทยกำลังจะได้ใช้ระบบ 3G ทั่วประเทศในระยะเวลาอันใกล้นี้จากผู้ให้บริการเครือข่ายทั้งสามเป็นเรื่องที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงนี้ การมาถึงของ 3G จะมีผลทำให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเกิดความหลากหลายมากขึ้น เนื่องจากความเร็วและขนาดของการส่งข้อมูลที่สูงขึ้นนั่นเอง และเมื่อมีการใช้เครือข่ายแบบ 3G เต็มรูปแบบเมื่อใด การเข้าสู่อินเตอร์เน็ตเพื่อเลือกใช้ Content จะกลายเป็นสิ่งปกติในชีวิตประจำวันของเราเลยทีเดียว ดังนั้นจึงสังเกตได้ว่า ณ เวลานี้ การแข่งขันระหว่างโทรศัพท์มือถือกำลังเป็นไปในแนวทางของการนำเสนอ “ความสะดวกสบาย” และ “ความง่าย” ในการใช้งานอินเตอร์เน็ตและการเข้าถึง Content ต่างๆ บนอินเตอร์เน็ตเป็นหลัก และในบรรดาโทรศัพท์มือถือทีมีอยู่หลากหลายในปัจจุบัน มีบาง Platform ที่โดดเด่นขึ้นมาด้วยความน่าสนใจทั้งประสิทธิภาพและความนิยม เช่น Windows Mobile, Symbian, iPhone, BlackBerry และล่าสุดก็คือ Android ครับ

Andorid คืออะไร ?
“แอนดรอยด์ (Android) เป็นระบบปฏิบัติการและแพลตฟอร์มสำหรับโทรศัพท์มือถือ เริ่มต้นพัฒนาโดยบริษัทชื่อแอนดรอยด์ปัจจุบันพัฒนาโดยบริษัทกูเกิล ตัวซอฟต์แวร์ของแอนดรอยด์ได้พัฒนาต่อจากระบบปฏิบัติการลินุกซ์
แอนดรอยด์ได้เปิดตัวต่อสาธารณชนเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 โดยทางกูเกิลได้เปิดตัวพร้อมกับการประกาศก่อตั้ง Open Handset กลุ่มบริษัทฮาร์ดแวร์,ซอฟท์แวร์และการสื่อสาร 48 แห่ง ที่ร่วมมือกันเพื่อพัฒนา มาตราฐานเปิด สำหรับอุปกรณ์มือถือ ลิขสิทธิ์ของแพลตฟอร์มแอนดรอยด์นี้จะใช้ในลักษณะของซอฟต์แวร์เสรี” (อ้างอิงจาก http://th.wikipedia.org)

ทำไมต้อง Android ?
ที่ผู้คนให้ความสนใจกับ Android มากนั้นมาจากหลายองค์ประกอบ เช่น ถูกพัฒนาขึ้นมาโดย Google ผู้ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีแอพพลิเคชั่นบนอินเตอร์เน็ตที่โด่งดัง หรือด้วยความที่ Android เป็น Open Source จึงทำให้บริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือหลายแห่ง เช่น HTC, Samsung, Motorola และอื่นๆ นำไปใช้เป็นระบบปฏิบัติการในโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆ ของตน และผลที่เกิดขึ้นก็คือเราจะได้เห็น Android ได้จากโทรศัพท์มือถือหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายราคา ต่างจากระบบปฏิบัติการแบบปิดที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือเฉพาะยี่ห้อ เช่น iPhone ของ Apple หรือ BlackBerry เป็นต้น

Android Market
แอพพลิเคชั่นที่อยู่ใน Android ก็จะคล้ายกับในโทรศัพท์มือถือ Smartphone ทั่วไป นอกจากนั้นยังมีแอพพลิเคชั่นแบบออนไลน์ซึ่งเป็นของ Google เอง เช่น GTalk, Gmail เป็นต้น หรือหากผู้ใช้ต้องการโปรแกรมใช้งานที่หลากหลายมากมายกว่านี้ Android ยังมี Android Market (www.android.com) ซึ่งเป็นแหล่ง Download โปรแกรมใช้งานของ Android จากผู้พัฒนาทั่วโลก โดยจะมีลักษณะคล้ายกับ App Store ของ iPhone หรือ Ovi Store ของ Nokia โปรแกรมใน Android จะมีทั้งแบบฟรีและแบบเสียเงิน (ซึ่งหาก Download โปรแกรมแบบเสียเงิน ผู้ใช้จะต้องมี Google Checkout เพื่อใช้กับบัตรเครดิตของเราเสียก่อน) และผู้พัฒนาโปรแกรมที่ต้องการขายโปรแกรมสามารถนำผลงานของตนขึ้นสู่ Android Market และตั้งราคาขายได้ และหากมีผู้ Download และจ่ายเงินสำหรับโปรแกรมนั้น ผู้พัฒนาจะได้รับส่วนแบ่ง 70% ของราคาที่ตั้งไว้ ในจุดนี้เองเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากสำหรับนักพัฒนาโปรแกรม เนื่องจากสามารถขายโปรแกรมได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องทำตลาดเองเลยด้วยซ้ำ

Android ในประเทศไทย
ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือที่ใช้ Android ที่มีวางขายในประเทศไทยนั้นมีอยู่ 1 รุ่นคือ HTC Magic ซึ่ง AIS เป็นผู้นำเข้ามาทำตลาด และในปลายเดือนสิงหาคมนี้จะเปิดตัวอีก 1 รุ่นคือ HTC Hero ในส่วนของ HTC Magic ณ วันที่เขียนบทความนี้ ราคาได้ลดลงมาอยู่ที่ 19,900 บาท (ลูกค้า AIS Serenade 18,900 บาท) ซึ่งถือว่าไม่แพงจนเกินไปหากเทียบกับประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นจาก AIS อีกมากมายสำหรับโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ หากสนใจลองศึกษาข้อมูลได้ที่ www.ais.co.th ครับ

แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับ Android
http://www.android.com
http://www.droidsans.com
http://www.thaiandroidclub.com

133 | บทความ Science.News มีนาคม 2552

บทความที่เขียนลง Science.News จดหมายข่าวคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ ฉบับเดือนมีนาคม พ.ศ.2552

ต้นฉบับหาไฟล์ไม่เจอแล้วครับ แกะๆ เอาละกัน เขียนเรื่อง "ทำความรู้จักกับมาตรฐาน Open Document" โดยอาศัยข้อมูลส่วนใหญ่จาก Blog ของคุณ mk (http://www.isriya.com) และบางส่วนจาก Wikipedia ครับ

132 | Draft 'til Done : ไวนิลงานกีฬาคณาจารย์

ของเก่าครับ ไหนๆ ก็เขียนไปตอนนึงละ เกิดฮึดอยากเขียนเรื่องเก่าๆ บ้าง

Draft..





'til Done



งานกีฬาคณาจารย์มหาวิทยาลัยฯ เมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมาครับ
ตัวงานออกแบบด้วยโปรแกรม Adobe Fireworks CS3 ส่วนภาพประกอบก็ Google ครับ 5555+

01 กุมภาพันธ์ 2553

131 | แอบปลื้ม

โอ้ววว ไม่ได้มาเขียน Blog นานมากจริงๆ ครับ เพราะว่าหมู่นี้ติด Update บน facebook ซะมาก เลยขี้เกียจเอามาเขียนลง Blog อีกที แต่วันนี้มีเรื่องปลื้มๆ มาเล่าให้อ่านกันครับ

เรื่องก็คือเมื่อวันก่อนผมได้รับแผ่นพับประชาสัมพันธ์งาน "เทศกาลตรุษจีนนครสวรรค์ 2553" มา พอเปิดอ่านดู แวบแรกที่เห็นก็สะดุดตาทันที เพราะว่าภาพถ่ายเกี่ยวกับงานตรุษจีนในแผ่นพับที่ว่าเนี่ย มันคุ้นๆ ตาอยู่ คุ้นมากๆ เลยทีเดียว



หน้าตาของแผ่นพับ



คลี่ข้างในออกมาจะเป็นเยี่ยงนี้ครับ

ปรากฏว่าเจ้าภาพที่ผมบอกว่าคุ้นๆ นั่นแหละครับ มันคือภาพที่ผมละคุณ joice ถ่ายจากกล้องดิจิตอลและกล้องมือถือเพื่อเอาไปเขียน Blog "ตามติด ตรุษจีนนครสวรรค์ 2552" (http://nsfest2009.blogspot.com) เมื่อปีที่ผ่านมานั้นเองครับ

ลองไปดูเปรียบเทียบภาพในแผ่นพับกับในเว็บกันครับ



ภาพนี้ถ่ายด้วยกล้องดิจิตอล samsung ธรรมดาๆ ครับ จำภาพนี้ได้แม่นที่สุดเพราะว่าแม่ของน้องคนที่อยู่ในภาพเข้ามาเม้นใน Hi5 ว่านั่นคือลูกสาวเค้า



นี่ก็ถ่ายต่อจากรูปเมื่อกี้ กล้องอันเดียวกันครับ



อันนี้เป็นภาพจากกล้อง canon ของคุณ joice ครับ



อันนี้ถ่ายจากกล้องมือถือ O2 Zinc ครับ



สุดท้ายกับภาพนี้ จากกล้อง samsung ครับ

ผมก็เล่าให้คุณ joice ฟังทันที สรุปว่าพวกเราฮาแตกครับ ที่บ้านก็ฮากัน เพราะไม่คิดว่าภาพจากกล้องดิจิตอล + กล้องมือถือธรรมดาๆ ที่บรรดานักถ่ายภาพมือเทพทั้งหลายมักจะดูแคลนว่าเอาไปใช้ถ่ายภาพเพื่อใช้งานจริงๆ จังๆ ไม่ได้เนี่ย โดนอินเตอร์เน็ตชุบตัวจนกลายเป็นข้อมูลที่นำไปใช้ได้เหมือนกัน

(ก่อนหน้านี้ภาพที่ถ่ายจากกล้องมือถือ Nokia 6630 และเอาลง Blog ตามติดตรุษจีนนครสวรรค์ 2550 : http://nsfest.blogrevo.com ก็เคยถูกเว็บอื่นๆ เอาไปใช้เหมือนกัน ทั้งๆ ที่ภาพสุดจะเบลอ 55555+)

ที่มาเล่าให้ฟังอันนี้ไม่ใช่ว่าจะมาร้องเรียนหรือทวงสิทธิ์ในผลงานอะไรทำนองนั้นหรอกนะครับ (ออกจะปลื้มมากๆ เลยด้วยซ้ำที่ภาพที่เราถ่ายจะได้ไปปรากฏอยู่ในแผ่นพับประชาสัมพันธ์ของจังหวัด ที่จะได้ไปอยู่ในมือของนักท่องเที่ยวอีกเป็นพันเป็นหมื่นคน...โอ้ว) แต่ที่มาเขียนต่อยืดยาวนี่อีกประเด็นนึงครับ

ถ้าใครที่เคยอ่าน Blog หรือเห็นใน facebook ของผมจะสังเกตได้อย่างหนึ่งว่า ภาพทุกภาพที่ผมถ่ายแล้วเอามาลง หรือภาพที่ผมแต่งขึ้นด้วยโปรแกรมแต่งภาพเพื่อเอามาใช้ประกอบบทความ ผมไม่เคยใส่ลายน้ำ หรือใส่เครดิตใดๆ เลยแม้แต่ภาพเดียว ทั้งนี้เพราะผมไม่สนใจว่าใครจะมาเอางานนี้ไปทำอะไรต่อ ไม่สนใจว่าใครจะตีค่าภาพที่ผมถ่ายยังไงเลยด้วยซ้ำ มันคือความสนุกและเป็นงานอดิเรกของผมซึ่งไม่จำเป็นต้องตีค่าอะไรครับ

ผมเคยเห็นหลายๆ ประเด็นตามเว็บบอร์ดที่พูดคุยกันถึงเรื่องของการนำภาพถ่ายที่ถูกโพสต์ลงอินเตอร์เน็ตไปใช้ต่อโดยลบลายน้ำหรือเครื่องหมายแสดงความเป็นเจ้าของผลงานออก (ล่าสุดเพิ่งเห็นในพันทิปก็เล่นกันไปแล้ว : ## คดีตัวอย่าง ## สำหรับท่านที่โดนนำรูปไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต และฝากถึงท่านที่กำลังคิดจะทำ...) แต่สำหรับผมมันไม่ใช่ประเด็นสำคัญครับ อาจจะเป็นเพราะผมเชื่อในแนวคิด Open Source ก็เป็นได้ ผมเลยไม่สนใจว่าสิ่งที่ผมทำเพื่อเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ตจะถูกใครนำไปใช้ทำอะไรต่อยังไง สมมติว่าวันหนึ่งมีคนนำ Article ที่ผมเขียนตามเว็บไปอ้างว่าเป็นผลงานตัวเอง ผมก็ไม่ซีเรียสครับ เพราะผมก็รู้อยู่ว่าผมเป็นคนเขียนเอง และถ้าผมจะทำงานเพื่อเอาเครดิตจริงๆ ผมไปทำในโลกจริงดีกว่าครับ ชัดเจนกว่าโลกเสมือนจริงเยอะ จริงมั้ย

ยังไงก็ตามผมเชื่อว่า ข้อมูลข่าวสารบนโลกอินเตอร์เน็ต ควรเป็นวิทยาทานครับ แต่อย่างว่าผมอาจจะเป็นคนเดียวที่คิดอะไรบ้าๆ แบบนี้ก็ได้มั้ง 555555555+