หน้าเว็บ

24 เมษายน 2552

081 | ตะลุยเชียงใหม่ [3] พิธีพระราชทานปริญญาบัตร

ตอนที่ 1 และ ตอนที่ 2 ครับ
(จริงๆ แล้วจะเขียนตอนเดียวเลยก็คงได้แหละครับ แต่กลัวจะยาวจนไม่อยากจะอ่านกัน)

วันรุ่งขึ้นก็ต้องตื่นกันตั้งแต่เช้ามืดครับ นัดรวมพลกัน 6 โมงเช้า แต่กว่าจะได้ออกจริงๆ 7 โมงซะงั้น

อย่างที่ทุกคนได้ทราบกันแล้วว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏกลุ่มภาคเหนือทั้ง 8 แห่งนั้น ได้เปลี่ยนสถานที่รับพระราชทานปริญญาบัตรมาแล้วหลายครั้ง โดยในอดีตจะไปรับกันที่ สวนอัมพร (ผมยังทันตอนเรียนปี 2 ไปเป็นนักศึกษาช่วยงานเก็บรวบรวมชุดครุย) ต่อมาเปลี่ยนมาเป็น หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (ผมทันตอนที่ผมรับปริญญาพอดี) และล่าสุดเมื่อปีที่แล้วได้เปลี่ยนสถานที่เป็น หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ วิทยาเขตสะลวง-ขี้เหล็ก ซึ่งอยู่ใน อ.แม่ริม ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปหลายสิบกิโลเมตร ทำให้การเดินทางต้องออกแต่เช้าตรู่หน่อยครับ มิฉะนั้นอาจไปไม่ทันเพราะรถติดได้



หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติครับ ต้นไม้ยังน้อยเหมือนเดิม



ผมสั้นจู๋ + ชุดขอเฝ้า + ชุดครุย ดูแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้

ชุดครุยผมเป็นของหายากนะครับ เพราะว่าเป็นครุยของบัณฑิตยุควิทยาลัยครูโน้น เนื่องจากผมยังไม่จบ ป.โทจึงไม่สามารถใส่ครุยวิทยฐานะของ วท.ม.มหาวิทยาลัยนเรศวรได้ แต่จะใส่ครุยของมหาวิทยาลัยราชภัฏ (ครุยผ่าอกสีดำ) ก็อาจจะแยกไม่ออกระหว่างบัณฑิตกับอาจารย์ มันก็เลยต้องออกมาแบบนี้แหละครับ

ส่วนป้ายติดอกที่เห็นในรูปเป็นป้ายบอกตำแหน่งที่ปฏิบัติหน้าที่ครับว่าอยูตรงไหนของหอประชุม ซึ่งจะมีทั้ง อยู่หลังเวที, อยู่บนเวที, อยู่ข้างล่างเวที และอยู่นอกหอประชุมครับ ในบัตรจะต้องระบุชื่อ-นามสกุล และรูปถ่ายด้วยครับเพื่อความถูกต้องในการยืนยันตัวตน ส่วนที่เห็นเป็นสีชมพูๆ ตรงกลางบัตรนั่นคือสติกเกอร์ที่จะบอกวันที่และเวลาในการเข้าปฏิบัติหน้าที่ครับ ก่อนจะเข้าหอประชุมได้ต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสอบความปลอดภัยเยอะแยะเลยทีเดียว



บรรยากาศภายในหอประชุม ถ่ายจากบนเวที

หน้าที่ตามคำสั่งไปราชการที่ผมได้รับมอบหมายคือ เป็น ผู้ปล่อยแถวบัณฑิต ครับ ซึ่งจะต้องไปนั่งเก้าอี้หัวแถวตามลำดับที่กำหนด และรอปล่อยแถวให้บัณฑิตเดินออกไปรับพระราชทานปริญญาบัตร หลังจากนั้นก็นั่งเฉยๆ รอจนเสร็จพิธีการครับ ..ดูเหมือนจะไม่มีอะไรยากเลยใช่มั้ยครับ แต่ความเป็นจริงมันอยู่ที่ว่า พอเข้าไปในหอประชุมแล้ว การสลับตำแหน่งเกิดขึ้นได้ครับ



มุมมองจากตำแหน่งที่ผมควรจะอยู่ ตรงนี้ ...



... กลายเป็น ตรงนี้ !!

ใช่แล้วครับ ผมโดนโยกไปปฏิบัติหน้าที่บนเวที ในตำแหน่งที่ต้องจัดบัณฑิตเข้าสู่จุดเริ่มของการนับก้าว (จะอยู่ใกล้ๆ กับผู้ขานนามและช่างภาพที่ถ่ายรูปบัณฑิต) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ใกล้เคียงกับตำแหน่งเดิมที่ผมยืนปฏิบัติหน้าที่เมื่อปีที่แล้ว ต่างกันเพียงขยับใกล้ที่ประทับเข้าไปอีกนิด (ปีที่แล้วอยู่ตรงบันได)

การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปอย่างยากลำบากครับ นอกจากจะต้องจับบัณฑิตเข้าจุดแล้ว ผมยังต้องคอยเร่งบัณฑิตที่เดินพ้นบันไดขึ้นมาให้รีบเข้าสู่จุดโดยเร็วอีกด้วย เพราะฉะนั้นในบางช่วงที่ผู้ประสานงานฯ แจ้งมาว่าให้เร่ง ผมก็ต้องเร่งบัณฑิตให้เร็วตามไปด้วย ตรงนี้เข้าใจว่ามีบัณฑิตหลายคนแน่นอนที่ไม่พอใจตอนที่ผมไปเร่งๆ เขา ซึ่งต้องยอมรับนะครับว่าการควบคุมขั้นตอน จังหวะทุกอย่างต้องผิดพลาดให้น้อยที่สุด และต้องอยู่ในการควบคุมของฝ่ายประสานงานฯ และฝ่ายอื่นๆ ที่ได้เตรียมการไว้แล้ว ดังนั้นบัณฑิตไม่จำเป็นต้องคิด หรือกระทำการใดๆ ทั้งสิ้นครับ นอกจากทำตามที่บอกให้ได้ บอกให้เร็วก็ต้องเร็ว บอกให้ทำอะไรก็ทำให้ได้ แล้วทุกอย่างจะออกมาดี เพื่อตัวบัณฑิตเองครับ



บัณฑิตชุดแรกที่ขึ้นรับพระราชทานปริญญาบัตร เป็นบัณฑิตครุศาสตร์ครับ

ผมถ่ายภาพได้เพียงเล็กน้อยครับเพราะเวลากระชั้นชิดมาก พอเริ่มพิธีผมก็ต้องปิดโทรศัพท์ให้เรียบร้อย แล้วก็ยุ่งๆ กับงาน จนเสร็จพิธีก็ลงมาทานข้าวกลางวันที่หอประชุมชั้นล่าง แล้วก็เดินกลับรถบัส เดินทางกลับทันทีครับ

บัณฑิตมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ในรอบเช้า เวลาตามกำหนดการ 10.30 น. ใช้เวลาซ้อมไปทั้งหมดจนเริ่มพิธีจริงประมาณเวลา 12.00 น. และเสร็จสิ้นพิธีประมาณเวลา 14.30 น. พอประมาณ 15.30 น. ผมก็ออกจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่แล้วครับ

ที่เหลือก็คงจะเป็นเก็บตกเล็กน้อยตามรายทางนะครับ



รถขนของ (?) ยังอยู่ในเขต จ.เชียงใหม่



หลักกิโลเมตรบะเริ่ม อยู่ในเขตตัวเมือง จ.ลำปางครับ



ร้านข้าวที่ไปแวะทานข้าวเย็น อ.เถิน จ.ลำปางครับ (อ่านชื่อร้านดีๆ !!??)

รับหน้าที่เป็นดีเจเปิดคาราโอเกะกล่อมคนบนรถหลับสบายมาจนถึง จ.นครสวรรค์ ราวๆ เที่ยงคืนครึ่ง เพลียแทบบ้าครับ (ผมตื่นตอนตี 5 และไม่ได้หลับเลยตลอดทาง) หลังจากกลับที่พักเรียบร้อย ผมก็จำศีลไป 1 วันเต็มๆ

ครับ.. งานนี้ เหนื่อย แต่ คุ้ม จริงๆ

วันที่ 27-28 นี้ ต้องไปดูงาน จ.ชลบุรีอีกครับ เดือนนี้เดินทางทั้งเดือนเลย เฮอๆๆๆ
จบแล้วครับ.



เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
- ตอนแรกนัดกับไอ้น้องแบงค์ไว้ว่าจะไป Warm Up กัน แต่แบงค์พักอยู่ไกลออกไปทางแม่เหียะ เลยอด
- ร้านเหล้าที่เชียงใหม่ทยอยเจ๊งกันไปแทบทุกวัน สาเหตุเพราะเศรษฐกิจซบเซาอย่างหนัก
- สงกรานต์ปีนี้เป็นปีที่ชาวเชียงใหม่เล่นน้ำกันเอง คนส่วนใหญ่ไม่ขึ้นมาเที่ยวเพราะกลัวเสื้อสี
- Revoltech EVA ตัวเล็ก 2 แบบขายอยู่ที่กาดสวนแก้ว 250 บาทน่าซื้อมากๆ แต่ขยับได้น้อยกว่าตัวใหญ่เลยไม่ซื้อดีกว่า
- เพลง "รักล้นใจ" กำลังดังมั้ง เดินผ่านร้านไหนๆ ก็เล่นกันแต่เพลงนี้
- ถามน้องเด็กเสิร์ฟร้านที่ไปดื่มกับ อ.สมพรได้ความว่า ร้าน Monkey ที่ผมเคยไปตอนมารับปริญญา ปัจจุบันไม่มีเด็ก ม.ปลายให้เห็นอีกแล้ว ..มีแต่เสี่ยแก่ๆ
- และก็ได้ความอีกว่า วง MiLD ที่ผมปลาบปลื้มอย่างยิ่ง ไม่ได้เล่นที่ Warm Up อีกแล้วหลังจากออกอัลบั้มและโด่งดังไปเป็นที่เรียบร้อย
- และด้วยบรรยากาศความเป็นเชียงใหม่ ตอนเดินเล่นใน มช.ไปจนถึงตะลุยราตรีรอบคูเมือง ผมเลยเผลอฮัมเพลง "ล่องแม่ปิง" สลับกับ "Unloveable" ไปทั้งคืน ฮิฮิฮิ

080 | ตะลุยเชียงใหม่ [2] ตระเวนราตรีด้วย Google Maps

ตอนที่แล้ว อยู่นี่ นะครับ

หลังจากออกหลังมอแล้วผมก็เดินเล่นกาดหลังมออยู่พักหนึ่ง เห็นของกินขายเยอะก็อยากกินอยู่เหมือนกัน แต่ยังไม่กินครับ.. ผมมีเป้าหมายร้านสำคัญรออยู่ มันยังไม่ถึงเวลาๆๆ

แล้วก็โบกรถแดงไปเซ็นทรัล กาดสวนแก้วครับ



มาเชียงใหม่แล้วก็ต้องมากาดสวนแก้วเนอะ

มาเดินดูแผนกของเล่นได้พักหนึ่งครับ มีแต่ของแพงๆ ซื้อไม่ไหว สุดท้ายแวะร้านการ์ตูน ได้ BECK เล่ม 32 มาถือเล่น 1 เล่ม เหอๆๆ (จริงๆ แล้วผมพลาดตรงที่ไปรีบซื้อ เพราะหลังจากนั้นต้องถือติดมือเดินไปตลอดทางเลย ฮ่วย)

ออกจากกาดสวนแก้วก็ว่าจะไปซื้อของฝากทางบ้านครับ แต่เนื่องด้วยผมไม่รู้แหล่งก็เลยไปได้ที่เดียวคือไนท์บาซาร์ พอออกจากกาดสวนแก้วผมก็โทรถามคุณ joice หนึ่งในคนบ้าเชียงใหม่ว่าจะไปไนท์แบบใกล้สุดต้องไปโบกรถที่ไหน

คุณ joice บอกว่าให้เดินออกจากกาดสวนแก้วไปขึ้นที่คูเมืองซึ่งอยู่ไม่ไกลนักจะไม่เสียค่ารถแพง ผมก็เดินครับ.. เดินมาจนเจอคูเมือง จู่ๆ ก็เลยนึกในใจขึ้นมาได้ว่า คราวก่อนผมก็มาเดินเล่นแถวคูเมือง แล้วปกติเนี่ยประตูที่ชื่อว่าประตูท่าแพ (คนแถวนั้นเรียกข่วงท่าแพ) มันเป็นประตูที่น่าถ่ายรูปมาก และมักจะมีกิจกรรมแปลกๆ จัดอยู่บริเวณลานหน้าประตูท่าแพเสมอๆ ผมก็เลยคิดว่า เฮ้ยเดี๋ยวค่อยไปก็ได้มั้งไอ้ไนท์เนี่ย (จำได้ว่าคราวก่อนไปดึกแล้วก็ยังมีของขายอยู่) ไหนๆ ก็เดินมาถึงคูเมืองแล้ว เดินเล่นไปประตูท่าแพดีกว่า เผื่อจะมี Event แปลกๆ ให้ดู

เดินเลยครับเดินๆๆๆๆๆๆๆ
(ถึงตรงนี้แล้วคนพื้นที่ หรือผู้ที่คุ้นเส้นทางบริเวณคูเมือง คงจะเริ่มฮาในความโถล่ของผมบ้างแล้วมั้ง)

แล้วผลลัพธ์ก็เป็นเหมือนคราวที่แล้วเลยก็คือ

ผมหลงทางครับ !!!!

เดินมาถึงประตูที่ใกล้ที่สุด อ่านป้ายระบุว่า ประตูสวนดอก แล้วประตูท่าแพอยู่ไหน ???
จะถามคนแถวนั้นก็ไ้ด้ครับ แต่หน้าบาง เลยต้องทำอะไรให้ซับซ้อนกว่านั้น

คราวก่อนผมหลงอยู่กับบุญเสริมแถวๆ วัดพระสิงห์ ซึ่งดึกมากแล้วและไม่มีคนให้ถามทาง ผมเลยต้องอาศัย Google Maps ในโทรศัพท์มือถือช่วยคลำจนหาทางออกถนนใหญ่เจอ ตอนนั้นผมใช้ Motorola ROKR E6 และ Google Maps ที่ใช้ก็เป็น Java Application ซึ่งพอใช้งานได้กล้อมแกล้มครับ แต่มาปีนี้ผมมี O2 Zinc ที่เป็น Pocket PC และใช้ Windows Mobile ผมคิดไปเองซะงั้นว่า Google Maps ก็น่าจะใช้ได้ง่ายขึ้น

Download โปรแกรม Google Maps ใน Pocket PC เลยครับ !!!




ใช้ Pocket PC เข้าไปที่ http://maps.google.com จะมี Link ให้ Download โปรแกรม Google Maps สำหรับ Windows Mobile ครับ (เป็นไฟล์ .cab) หน้าตาโปรแกรมจะเป็นอย่างรูปด้านบน

หาก่อนเลยครับ อันดับแรกคือต้องหาตำแหน่งปัจจุบันก่อน
Keyword คือ "ประตูสวนดอก เชียงใหม่"



เจอแหล่ว

ต่อไปก็หาปลายทางครับ Keyword คือ "ประตูท่าแพ เชียงใหม่"



เจอและ ใช้ภาษาไทยได้นี่มันสะดวกจิงๆ

มันดูยากครับ เห็นเส้นเหลืองๆ ก็พอจะเดาได้ว่าคงเป็นถนนรอบคูเมือง แต่ไม่รู้ว่าประตู 2 อันนี้อยู่ด้านไหนกัน
ลอง Zoom Out ครับ ...



เห้ย !!! อยู่คนละฟาก

... เข่าอ่อนครับ จากภาพดูเหมือนว่าอาจจะไม่ไกลถ้าเดินทะลุในเขตคูเมืองตรงๆ แต่ผมไม่ใจพอครับ ซอกซอยในนั้นก็เยอะอยู่ ดีไม่ดีอาจหลงหนักกว่าเดิมอีก (ที่เขาเรียกว่า หลงเมืองเหนือไงครับ 555)

ผมทำใจเดินต่อมาได้นิดเดียวก็ยอมแพ้ครับ โบกรถแดง ครั้งที่ 2 ...




แ้ว้บบบบบ !!! ถึงแล้ว ไวเหมือนตอแหล 20 บาทถึงที่หมายสบายเท้า ฮ่าๆๆๆ



มีกิจกรรมครับ เห็นว่าเรียกร้องความสงบ ยุติความรุนแรงอะไีรเนี่ยแหละ ยืนจุดเทียนกัน



กำแพงคูเมืองแถวๆ ประตูท่าแพครับ



เอ๊ะ !! ถนนอะไรชื่อคุ้นๆ (ตอนถ่ายรูปนี้ก็เสียวหลังแวบๆ กลัวเจอกลุ่มคนรักเชียงใหม่ 555+)

ถ่ายรูปที่ประตูท่าแพสมใจอยากแล้ว ได้เวลาไปซื้อของฝากซะทีครับ
คราวนี้ไม่สนโลกแล้วเพราะเท้ากำลังพุพองอย่างหนัก ผมโบกรถแดงตรงถนนมูลเมืองนี่แหละครับแป้ปเดียวโผล่ไนท์บาซาร์ซื้อของฝากอย่างรวดเร็วแล้วเดินไปโบกรถแดงที่หน้าพันธุ์ทิพย์เชียงใหม่ขึ้นกลับโรงแีรมโดยพลัน

(ระหว่างข้ามถนนไปขึ้นรถ ผมเกือบโดนรถมอเตอร์ไซค์ของหญิงชาวมุสลิมคนหนึ่งชน เนื่องจากผมรีบเดินข้ามไปอย่างรวดเร็วและมอเตอร์ไซค์คันนี้ขับตรงมาโดยไม่เปิดไฟหน้ารถแล้วผมไม่เห็น แกเบรคล้อส่ายก่อนถึงตัวผมไม่เกิน 3 ฟุต ผมกล่าวขอโทษหลายครั้งด้วยความสุภาพทั้งๆ ที่ผมเชื่อว่าผมไม่ผิด แต่หญิงมุสลิมผู้นี้กลับด่าทอผมด้วยภาษาของเขาซึ่งผมฟังไม่ออกเสียงดังราวกับจะเอาเรื่องให้ได้ ถ้าคุณที่กำลังอ่านอยู่คือหญิงวัยกลางคนชาวมุสลิมผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ไม่เปิดไฟหน้าผู้นั้น โปรดทราบไว้ด้วยว่าเป็นบุญของคุณแล้วที่ผมไม่ลงไปจัดการกับคุณเนื่องจากผมต้องรีบกลับ แต่พึงสังวรณ์ไว้ว่าถ้าผมไม่มีธุระอันใดรออยู่ ผมพร้อมที่จะปะทะคารมกับคุณ ณ ตรงจุดนั้นได้โดยไม่จำกัดเวลาและไม่อายใคร หรือหากต้องการจะใช้ความรุนแรงมากกว่านั้นผมก็ยินดีเช่นกัน)


กลับถึงโรงแรมก็แทบหมดแรงแล้วครับ เอาของไปเก็บแล้วก็อาบน้ำอาบท่าซักหน่อย ก่อนที่จะไปยังเป้าหมายสุดท้ายครับ ...



นี่เล้ย Yatai Ramen !!!!

ร้านราเม็งและซูชิข้างถนนเจ้าประจำแถบรินคำ ผมมากินครั้งแรกตอนมาสมัครสอบ สค.วค.ปี 2549 หลังจากนั้นถ้ามาเชียงใหม่ทีไรก็ต้องมากินให้ได้ทุกครั้งไป (พลาดไปครั้งเดียวคือเมื่อปีที่แล้วเพราะมัวไปหลงคูเมืองกับบุญเสริม)

อร่อยมากกกก



เดินกลับโรงแรมและครับ

ก่อนเข้านอน อ.สมพรชวนไปนั่งดื่มที่ร้านเหล้าข้างโรงแรมอีกหน่อย ไปๆ มาๆ กว่าจะได้นอนก็ราวๆ ตี 1 ครับ


ตอนหน้าตอนสุดท้ายละครับ ยาวเฟื้อยยยย.

079 | ตะลุยเชียงใหม่ [1] มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

กลับมาจากเชียงใหม่แล้วครับ

ไม่ได้ไปเที่ยวนะครับ ไปราชการในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ ประจำปี 2552 ซึ่ง ม.เรามีกำหนดเข้ารับวันที่ 22 เมษายน ผมโดนคำสั่งให้ไปปล่อยแถวบัณฑิตในหอประชุม (เหมือนทุกปี)

เราออกเดินทางตอนเช้าวันที่ 21 ครับ ตลอดทางผมก็มีหน้าที่เลือกเพลงในคาราโอเกะให้พวกอาจารย์บนรถได้ร้องกัน (คล้ายๆ เด็กดริงค์ในร้านคาราโอเกะแนะ 5555+)

ไปแวะทานข้าวเที่ยงที่ปั๊มน้ำมันใน จ.ตาก ผมทานข้าวอยู่ดีๆ ก็ไปสะดุดตาป้ายเมนูอาหารในร้านอันนี้ครับ



เอ็นไก่ทอดนี่มันหากินยากขนาดนั้นเลยหรอครับเนี่ย !!!???

ประมาณ 5 โมงเย็นก็ถึงเชียงใหม่ครับ ที่พักก็ที่เดิมทุกปี โรงแรมเชียงใหม่ภูคำ ครับ

เก็บของเสร็จไม่รู้จะัไปไหนดี ก็เลยคิดว่าไปเดินเล่นใน มช.ดีกว่า



ถนนหน้ามอครับ



ถึงหน้ามอและ



อ่างแก้วตอนเย็นๆ



อาคารภาคคอมฯ ครับ ใหญ่โตดีจัง (อิจฉาเว้ย)



สำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology Service Center : IT SC) เท่ซะ



หอนาฬิกาผีดุ หน้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ (ผีดุจริงหรือเปล่าผมไม่รู้หรอกครับ แค่เคยอ่าน Fwd Mail มาอีกที)
ตอนเดินไปถึงก็เป็นเวลา 6 โมงเย็นพอดี



ถึงประตูหลังมอ (ประตูวิศวะ) แล้วครับ เหนื่อยโป้ด

ผมก็เดินไปเรื่อยเปื่อยแหละครับ ไม่ได้แวะทุกคณะแต่ที่ผ่านๆ ก็มีคณะมนุษยศาสตร์, คณะวิทยาศาสตร์, อ.มช.(องค์การนักศึกษา), คณะรัฐประศาสนศาสตร์ (จำชื่อเต็มไม่ได้), หอใน แล้วก็คณะวิศวกรรมศาสตร์ แล้วก็โผล่ออกประตูหลังมอนี่แหละครับ ดูเหมือนไม่ไกลมากแต่ถ้าเป็นเด็ก มช. หรือคนที่เคยไป มช.อ่านแล้วคงจะรู้ดีว่าระยะทางมันไกลโพ้นขนาดไหนใช่มั้ยครับ 555 ผมมันบ้าเดินอย่างนี้แหละ เดินไปเรื่อย

(งานรับปริญญาปีที่แล้วผมมาเดินเล่นใน มช.เหมือนกัน แต่มาตอน 4-5 ทุ่มนะครับ มาเดินกับบุญเสริม 2 คน)



หลังจากโผล่หลังมอแล้วจะไปไหนต่อ ขอแบ่งไปตอนหน้าครับ.

18 เมษายน 2552

078 | กิจกรรมช่วงหยุดสงกรานต์

วันหยุดยาวช่วงสงกรานต์ผมไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลยครับ

วันที่ 12 เมษายน
ผมก็ไปเช่าการ์ตูนมาอ่าน แล้วพอดีทางร้านจะหยุดช่วงสงกรานต์ 3 วัน เลยให้เช่าตุนไว้เยอะๆ ผมก็เลยตุนไว้สิบกว่าเล่ม กะว่าอ่านยาวจนถึงวันกำหนดคืน ที่ไหนได้ครับ... อ่านจบมันคืนนั้นแหละ ด้วยความกลัวว่าอารมณ์จะค้าง 555+

วันที่ 13 - 14 เมษายน
หลังจากการ์ตูนหมด ผมก็จมดิ่งอยู่กับคอมพิวเตอร์ที่บ้าน (แบบที่ว่าไม่ได้ผิดเวลาแบบนี้มานาน) ก็คือผมเริ่มเล่นเกมตั้งแต่ประมาณ 5 ทุ่ม จนถึงประมาณตี 5 - 6 โมงเช้าของวันรุ่งขึ้น แล้วค่อยนอน ตื่นมาอีกทีตอนประมาณ 4-5 โมงเย็น ปฏิบัติภารกิจส่วนตัว + ดูข่าวม็อบกีฬาสี เสร็จแล้วก็มานั่งเล่นเกมต่อ วนไปแบบนี้อยู่ 2 คืน 3 วัน แหม! คิดถึงสมัยเรียนมหาลัยครับ อดหลับอดนอนเล่นเกม

ตอนสมัยเรียนผมติด Counter Strike กับ Ragnarok Online ครับ แต่ตอนนี้ผมกำลังติด

"The Sims : Life Stories"



ด้วยความที่ไม่ได้เล่น The Sims มานาน ผมเลยเล่นแบบบ้าคลั่งเหมือนกับว่าอดอยากมานาน

เวอร์ชันนี้ผมว่าโอเคเลยนะ จะเล่นโหมดเนื้อเรื่องหรือโหมดอิสระก็ได้ ขนาดไฟล์ก็ไม่ใหญ่้มากมาย 2 GB กว่าๆ ไม่ต้องลงเสริมอะไรมากมายก็ได้อารมณ์แบบ The Sims ครบถ้วน แนะนำครับแนะนำ

วันที่ 15 เมษายน
ไปตัดผมมาครับ ไหนๆ ไปงานรับปริญญาก็ต้องตัดอยู่แล้ว ทำใจตัดมันซะวันนี้เลยละกัน
ตัดออกมาแล้วมันก็สั้นได้ใจจริงๆ ครับ แม่ม



ภาพผมยาวๆ ภาพสุดท้ายของปีนี้... ปีหน้าเอาใหม่เว้ย

วันที่ 16 เมษายน
ผมซึ่งอดนอนมาทั้งคืน (เพราะ The Sims) ก็เลยแอบงีบตอนเช้าประมาณ 3-4 ชั่วโมง แล้วก็พอดีเพื่อนบุญเสริมมาหาที่บ้าน ชวนให้ไปเป็นเพื่อนหน่อยแกจะไปบริจาคเลือดที่โรงพยาบาล ...โอ้วเพื่อนเราใจบุญมาก

มางานเข้าตอนไปเป็นเพื่อนนี่แหละครับ คุณบุรุษ (?) พยาบาล แกชวนให้บริจาคด้วย ผมบอกว่าอดนอนมาก็ไม่เชื่อๆ บอกให้ลองเจาะตรวจดูก่อน อืมมๆๆๆ ไม่เป็นไรเจ็บปลายนิ้วนิดเดียว เขาอยากเจาะก็ให้เจาะเอ้า ...

เลือดจม (ไม่ลอย) ...

ก็เลยต้องบริจาคตามกันไปครับ

จริงๆ ไม่ใช่ว่างกเลือดอะไรหรอกนะครับ คือถ้าสภาพร่างกายไม่พร้อมแล้วเนี่ยผมไม่ค่อยอยากจะเสี่ยงเท่าไร (หลังจากที่เคยเห็นเพื่อนอ้วกแตกตอนบริจาคเลือดสมัย ม.ปลายแล้วไปเตะบอลต่อ) ตอนเรียน ม.ปลายจนถึงมหาลัย จนจบมาเป็นโปรแกรมเมอร์ผมก็บริจาคมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว (แต่ไม่ค่อยเอาบัตรไปเลยไม่ได้เข็มซักกะอัน) แต่พอเป็นอาจารย์แล้วเวลานอนมันไม่ค่อยปกติเหมือนก่อน ผมก็เลยไม่ได้บริจาคมานานเลยทีเดียว เพราะงั้นครั้งนี้ก็เลยเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี (เป็นอย่างน้อย) ครับ

ชมภาพ...



คุณบุรุษพยาบาลชื่อพี่นัท มาคอยเป็นกำลังใจแบบใกล้ชิดโคดๆ



เลือดชั่วกำลังไหลเป็นทาง...



แกก็ฮาได้ใจนะครับคนเนี้ย เปิดมาเจอ Blog ผมก็ Save รูปไปด้วยนะพี่ 555



เลือดหมู...

วันที่ 17 เมษายน
จริงๆ แล้ววันนี้ทีมซ้อมบัณฑิตเขาไปเตรียมสถานที่กันครับ แต่ผมไม่รู้เรื่องกับเขาเลย (เพราะไม่มีใครบอก) ก็เลยไปดูหนังซะงั้น (เวง)

เรื่องแรก : Knowing



หนุกดีครับ ใครจะว่าเป็นหนังไซไฟก็เอาเหอะ สำหรับผมแล้วมันคือ หนังที่มีประเด็นศาสนาล้วนๆ ครับ
ชอบที่สุดก็ฉากเครื่องบินตกในภาพข้างบนแหละครับ (ตัวอย่างที่โฆษณาทางทีวีก็มีฉากนี้)

เรื่องที่สอง : ก้านกล้วย 2



หนังอะไรก็ไม่รู้ ภาคแรกว่าสุดยอดแล้ว ภาคสองหาที่ติแทบไม่เจอเลยครับ แถมมีฉากซึ้งเรียกน้ำตาให้เกลื่อนกลาดไปหมด ช้างแฝดสองตัวนี่ก็น่ารักเหลือทน สงสัยต้องไปตามเก็บแก้วน้ำของ Major ซะแล้วเหอๆ

หมดแล้วครับวันหยุด วันที่เขียน Entry นี้ (วันที่ 18) ผมก็มาเป็นฝ่ายฝึกซ้อมบัณฑิตที่มหาลัยแล้วครับ วันที่ 21-22 ผมก็ต้องไปเชียงใหม่เพื่อคุมแถวบัณฑิตในวันรับจริงอีก

สรุปแล้วหยุดยาวช่วงสงกรานต์สำหรับผมมีไว้ พักผ่อน จริงๆ ครับ 555555+

14 เมษายน 2552

077 | สื่อนอก

เห็นเขาพูดกันหนาหูช่วงวันนี้ว่าสื่อไทยบิดเบือน (ทั้งเรื่องเสื้อแดงตาย หรือเรื่องสลายการชุมนุม)
แล้วเขาก็พูดกันหนาหูอีกเหมือนกันว่าให้ไปดูข่าวจากสื่อนอก เช่น BBC, CNN อะไรพวกนี้
ผมนั่งอ่าน พันทิปห้องราชดำเนิน เพลินๆ แล้วจู่ๆ ก็เกิดอยากจะลองไปอ่านจากสื่อนอกอย่างที่เขาบอกกันบ้าง

ที่แรกเลยครับ http://www.cnn.com เจอข่าวนี้ ...



เห้ย !!! facebook !!!

ในข่าวหน้าแรกของ CNN เขาพูดถึงว่าหมู่นี้มีจำนวนสาวสูงวัย (เกิน 55) เข้าไปเล่น facebook เพิ่มมากขึ้น ??? (สำคัญขนาดขึ้นหน้าแรกเลยเรอะ) แล้วข่าวเสื้อแดง Thailand Red Shirt ไม่เห็นมีในหน้าแรกเลยง่ะ

ไปอีกที่นึงครับ http://www.bbc.com



นี่ไงๆๆๆๆ หน้าแรกเลยด้วย Bangkok protests 'under control'

แต่ผมไม่ได้อ่านหรอกครับ ขี้เกียจแปล ใช้ Google Translate แปลเอาแล้วพอจับความได้บ้าง
ก็คล้ายๆ กับที่สื่อไทยช่อง 3, 5, 7, 9, NBT, TPBS ออกอะนะ

ขณะที่นั่งเขียน Entry นี้เวลา ตี 3 กว่าๆ รอดูเหตุการณ์ต่อไป
เมื่อคืนก็รอดูเหตุการณ์จนหลับไปตอนเกือบตี 4 (ก่อนทหารเข้าประมาณ 10 นาที !!??)



ป.ล. ผมชอบคำโปรยหัวของ CNN ที่สัมภาษณ์ทักษิณวันนี้อ่ะ 'Thailand's Politics Chaos'

11 เมษายน 2552

076 | UTCC Hybrid Learning



จู่ๆ ก็สนใจแคมเปญ Hybrid Learning ของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่กำลังโฆษณาอยู่ทางโทรทัศน์อยู่ทุกวันนี้ขึ้นมา ก็เลยหาข้อมูลเกี่ยวกับ Hybrid Learning มาไว้อ่านครับ

Hybrid Learning คืออะไร
(อ้างอิงข้อความจาก เว็บไซต์มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย)

UTCC Hybrid learning เป็นรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่ผสมผสานระหว่างการสอนในชั้นเรียน (Face-to-Face) กับการสอนแบบ e-Learning โดยนำส่วนที่ดีที่สุด (Best features) ของการสอนทั้งสองแบบมาใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เรียน กล่าวคือ

e-Learning จะเอื้อให้ผู้เรียนสามารถศึกษาค้นคว้าบทเรียนที่ผู้สอนนำไป uploadไว้บน website ได้ตลอดเวลา ทุกสถานที่ และตามศักยภาพที่ผู้เรียนพึงมี ทำให้เกิดการเรียนรู้ในสภาพที่เป็น พลวัต (Dynamic learning environment) โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าไปช่วยในระบบการจัดการเรียน (Learning management system: LMS) การทดสอบ (Quiz or Test) รวมทั้งการสร้าง Interactive learning โดยใช้ Web board หรือ Chat room ในการอภิปรายและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือใช้ Web blog ในการแสวงหาและเชื่อมโยงความรู้

Face-to-face teaching ในระบบ UTCC Hybrid เน้นการสอนเนื้อหาที่เป็น“Why” and “How” ที่ ผู้สอนจะต้องออกแบบบทเรียนและจัดกิจกรรมที่กระตุ้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมใน การเรียนและเรียนรู้ร่วมกัน โดย การคิดวิเคราะห์ แสดงความคิดเห็น อภิปราย แสวงหาความรู้ และใช้เหตุผลในการแก้ปัญหา วิธีการสอนสมัยใหม่ที่เน้นการมีส่วนร่วมและทำให้ผู้เรียนสามารถต่อยอดความ รู้ด้วยตนเอง ได้แก่ การสอนแบบอภิปราย (Discussion) กรณีศึกษา (Case study) การสอนแบบแก้ปัญหา (Problem solving) การทดลอง (Experiment) และการฝึกปฏิบัติ (Practice) เป็นต้น

รูปแบบของ UTCC Hybrid Learning
(อ้างอิงจากเอกสาร UTCC Hybrid Learning Chart)

1. Best Features of e-Learning
-เนื้อหาทั้งหมด upload ที่ website
-มีแบบทดสอบ & ตัวอย่างคำถาม
-บทเรียนทันสมัย
-นักศึกษาสามารถศึกษาก่อนเข้าเรียน และหลังเรียน
-นักศึกษาสามารถสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติม
-นักศึกษาเรียนได้ตลอดเวลา ทุกสถานที่ และตามศักยภาพที่ตนพึงมี

2. IT Support
-มีระบบการจัดการเรียน (LMS)
-มีระบบการทดสอบ (Quiz or Test)
-มีเทคโนโลยีที่สนับสนุน Interactive learning เช่น Web board, Chat room, และ Web blog

3. Best Features of Face-to-Face Teaching
-เน้นการสอนเนื้อหา “Why” and “How”
-กระตุ้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียน ฝึกคิดวิเคราะห์ อภิปราย แสดงความคิดเห็น และใช้เหตุผลในการแก้ปัญหา
-ใช้วิธีสอนรูปแบบสมัยใหม่ ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ

นอกจากเรื่องแจก Notebook นักศึกษาใหม่ (ซึ่งเป็นวิธีการที่ผมคิดว่าดีมากๆ ในการเรียนการสอนในระดับอุดมศึกษา) ยังมีเรื่องที่แจก iPhone 3G (ของทรูมูฟ) ให้นักศึกษาปริญญาโท MBA ใช้เป็นเครื่องมือช่วยในการเรียนการสอนอีกอย่างที่ผมอ่านข่าวแล้วอยากจะ "กรี๊ด" ดังๆ ด้วยความยกย่องเลยแหละ



วิสัยทัศน์มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเกี่ยวกับ Hybrid Learning และ iPhone 3G
(อ้างอิงข้อความจาก http://www.thaigoodview.com/node/20911)

“สำหรับคอนเทนต์ในช่วงต้นที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้ร่วมกับทรูพัฒนาขึ้น มีทั้งหมด 6 คอนเทนต์ ได้แก่ ยูทีซีซี ไดเร็คทอรี่ (UTCC Directory) รวบรวมข้อมูลต่างๆ ของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เช่น รายชื่อคณะ สาขาวิชา อาจารย์ผู้สอน และข้อมูลสำคัญอื่นๆ ยูทีซีซี เอ็มเลิร์นนิ่ง (UTCC m-Learning) เลือกดูรายวิชาที่เปิดสอนและดาวน์โหลดคอร์สการเรียนทั้งหลักสูตรปริญญาตรี และปริญญาโทแบบมัลติมีเดียทั้งภาพและเสียง ยูทีซีซี อีเวนท์ส คาเลนดาร์ (UTCC Events Calendar) กิจกรรมและงานสัมมนาประจำเดือนและประจำสัปดาห์ ยูทีซีซี แม็บ (UTCC Map) แผนที่มหาวิทยาลัยออนไลน์และผังอาคารภายในมหาวิทยาลัย ยูทีซีซี นิวส์ อัพเดท (UTCC News Update) อัพเดทข้อมูลข่าวสาร ความเคลื่อนไหวของมหาวิทยาลัย และยูทีซีซี อีเมอร์เจนซี่ อินโฟ (UTCC Emergency Info) หมายเลขฉุกเฉินสำหรับสถานการณ์ต่างๆ เช่น สถานีตำรวจ โรงพยาบาล หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน แท็กซี่ โทรออกได้ทันทีจากทรูมูฟ ไอโฟน 3จี ซึ่งขณะนี้มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้ยื่นเรื่องขอเป็นยูนิเวอร์ซิตี้ ดีเวลลอปเปอร์ (University Developer) จากแอปเปิ้ลแล้ว ซึ่งจะทำให้ได้สิทธิ์และการสนับสนุนจากแอปเปิ้ลในการพัฒนาโปรแกรมบนไอโฟน และวางแผนว่าจะเริ่มนำหลักสูตรนี้มาใช้ได้ทันในปีการศึกษาใหม่ 2552 นี้”

ดร.เอกชัย อภิศักดิ์กุล
คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย และคณบดีคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

ในความคิดเห็นของผมเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ที่มีต่อการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษาของมหาวิทยาลัยหอการค้า บอกได้คำเดียวว่า "สุดยอด" ครับ

06 เมษายน 2552

075 | "SURELY YOU'RE JOKING MR.FEYNMAN!"

ช่วงนี้กำลังติดหนังสือใหม่เล่มหนึ่งครับ

"SURELY YOU'RE JOKING MR.FEYNMAN!"
ชื่อภาษาไทยคือ ฟายน์แมน อัจฉริยะโลกฟิสิกส์ (สนพ.มติชน)



คือตอนแรกอ่านรีวิวในมติชนรายสัปดาห์แล้วอยากอ่านเล่มจริงมากๆๆๆๆ เลยไปหาซื้อมาอ่าน
แล้วก็อย่างที่ต้องการครับ หนังสืออัตชีวประวัติเล่มนี้เขียนมันได้ใจจริงๆ



ภาพนี้มันโดนมากกกกกกก เท่โคตรๆๆๆ

เรื่องเกี่ยวกับฟิสิกส์ในเล่มผมก็อ่านไม่ค่อยรู้เรื่องหรอกครับ แต่ส่วนอื่นๆ เกี่ยวกับชีวิตประจำวันของ Feynman มันฮาได้อีกเรื่อยๆ เหมือนกับว่าชีวิตเขามีแต่อะไรสนุกๆ ให้ทำตลอด ได้แรงบันดาลใจเยอะครับจากหนังสือเล่มนี้

ที่อ่านมาถึงตอนนี้ (ยังอ่านไม่จบ) ชอบอยู่ตอนหนึ่งที่ Feynman จัดสัมมนาเกี่ยวกับหัวข้อวิจัยที่เขาทำตอนเรียนปริญญาโทที่พรินซตัน แล้วมีศาสตราจารย์ระดับเทพๆ มาฟังงานของเขาโดยที่ Feynman เองยังต้องเหวอ มีทั้ง ศาสตราจารย์เปาลี , ศาสตราจารย์ไอน์สไตน์ และ ศาสตราจารย์จอห์น ฟอน นอยมัน (คนนี้ใครเรียน Computer Science ต้องรู้จักดีแน่นอน)

ส่วนผู้เขียน (Richard P. Feynman) เป็นใคร ลองอ่านเรื่องเกี่ยวกับเขาคร่าวๆ ได้จาก Link เหล่านี้ครับ

- http://www.rmutphysics.com/CHARUD/specialnews/7/Feynmam/index.htm
- ประวัติ Richard P. Feynman จาก th.Wikipedia

ป.ล.มีอีกสองสามเล่มที่อยากได้ตอนนี้ เช่น รามานุจัน กับ ผู้ชายที่หลงรักตัวเลข แต่ยังไม่มีตังค์ซื้อครับ 5555

05 เมษายน 2552

074 | ชุมนุมโดยสันติ ?



ภาพประกอบจาก ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด

ไม่รู้เรียกว่าจะเรียกถูกหรือเปล่านะครับ แต่ผมคิดว่า คำว่า "ชุมนุมโดยสันติ" เนี่ย น่าจะหมายถึง
- การชุมนุมโดยไม่สร้างความรุนแรง
- การชุมนุมโดยไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่บุคคลหรือสถานที่

สาเหตุที่เอามาเขียนใน Blog เพราะว่าเมื่อตอนหัวค่ำดูข่าวการเมือง แล้วนักข่าวไปสัมภาษณ์คนทั่วๆ ไปเกี่ยวกับการชุมนุมเรียกร้องทางการเมือง คำตอบที่คนให้สัมภาษณ์พูดก็คือ

" จะชุมนุมก็ขอให้ชุมนุมโดยสงบและสันติ ไม่ก่อความเดือนร้อน และอยู่ภายใต้กรอบของประชาธิปไตย "

ผมเคยเขียนไว้ใน GotoKnow เมื่อหลายเดือนก่อนช่วงกระแสพันธมิตรฯ ไว้แล้วครั้งหนึ่ง ความนี้ก็ยืนยันคำเดิมครับ ว่ามันไม่มีทางหรอก การชุมนุมโดยสงบและสันติและอยู่ภายใต้กรอบของประชาธิปไตยเนี่ย

ลองคิดดูนะครับว่า ถ้าเราไม่พอใจการทำงานของรัฐบาล และเราต้องการให้รัฐบาลทำตามความต้องการเรานั้น เราจะต้องทำอย่างไรบ้าง

วิธีที่ 1 : พูดกันเอง
ลองเสนอแนะความคิดเห็นแก่รัฐบาลตามช่องทางที่มี เช่น ร้องเรียนกับหน่วยงานรัฐ, ออกสื่อ หรือแบบใกล้ๆ มือเลยก็สื่ออินเตอร์เน็ต เช่น เว็บบอร์ด

วิธีที่ 2 : ให้ผู้ใหญ่พูดให้
ดูท่าทางจะไม่ได้ผล ลองทำให้เอิกเกริกกว่านี้นิดนึง แนวนี้จะเป็นแนวของพวกนักวิชาการ, อาจารย์มหาวิทยาลัยครับ เช่น จัดเวทีเสวนา หรือให้สัมภาษณ์ออกทีวีเสนอแนะกันไป บุคคลระดับปัญญาชนเหล่านี้พูดออกมาแล้วน่าเชื่อถือครับ น่าจะเป็นวิธีที่ดูชัดเจนกว่าวิธีแรก

วิธีที่ 3 : งอแง
นักวิชาการเตือนแล้วยังไม่สนใจอีก จะทำยังไงดีละครับเนี่ย คงต้องให้มีกระแสขึ้นมาบ้างแล้ว ลองมาชุมนุมกันเลยดีกว่าครับ ตั้งเวที จัดอภิปราย สัมมนา ร้องเพลงด่า ฯลฯ อันนี้คงเห็นชัดขึ้น เพราะอย่างน้อยๆ ก็ต้องออกทีวี ลงหนังสือพิมพ์ และก็จะมีกระแสไปถึงบุคคลที่ใช้วิธีในข้อ 1 และข้อ 2 ด้านบนด้วย

มาถึงวิธีที่ 3 ถ้าเป็นเราเจอแบบนี้ก็ต้องรู้สึกตัวกันแล้วละ แล้วนี่เป็นถึงผู้บริหารประเทศ เขาก็ต้องรู้ครับว่ามีคนไม่ชอบเขาเยอะขึ้น เยอะขึ้นเรื่อยๆ แล้วเขาจะทำยังไงครับ

จะแก้ปัญหายังไงอันนี้ไม่รู้ แต่ถ้าไม่ยอมแก้ปัญหาให้ นั่นหมายความว่าสิ่งที่เราพยายามทำมานั้นไม่ได้ผล และรัฐบาลก็คงไม่สนใจการเรียกร้องหรือเสนอแนะของประชาชนอย่างเราด้วย

มันก็เลยเป็นแบบนี้แหละครับ การชุมนุมก็เลยต้องก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่บุคคลหรือสถานที่ แล้วให้บุคคลหรือเจ้าของสถานที่ที่ได้รับผลกระทบนั้นมาสร้างความกดดันให้กับรัฐบาลอีกต่อหนึ่ง สิ่งนี้คือการ "กระตุ้นปฏิกิริยา" ครับ

ลองแบบนี้ก็ได้ครับ ถ้าให้เลือกไปชุมนุมเรียกร้องที่ทำเนียบรัฐบาล สนามบิน กับไปชุมนุมเรียกร้องที่ทุ่งกุลาร้องไห้ จะเลือกไปที่ไหนครับ ไปทำเนียบ คนสัญจรไปมาก็เดือดร้อน คนในรัฐบาลจะมาทำงานก็มาไม่ได้ ไปสนามบิน คนเดินทางเ้ข้า-ออกประเทศเดือดร้อน ชาวต่างชาติเดือดร้อน สายการบินเดือดร้อน รัฐบาลก็ต้องเดือดร้อนสิครับ

ไปทุ่งกุลาร้องไห้ ใครเดือดร้อนครับ รัฐบาลอาจจะชอบเสียด้วยซ้ำ เพราะคุณไปชุมนุมแล้วไม่ทำให้เดือดร้อนมาถึงเขา เขาก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ

ผมไม่ได้มีอคติกับการเมือง หรือจะเอียงไปทางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตลอดเวลา แต่ที่มาเขียน Blog วันนี้อาจจะเท้าความยาวยืดเกินไปหน่อย จริงๆ แล้วอยากจะบ่นแค่ประโยคที่เขาให้สัมภาษณ์ออกทีวีประโยคนั้นแหละครับ

" จะชุมนุมก็ขอให้ชุมนุมโดยสงบและสันติ ไม่ก่อความเดือนร้อน และอยู่ภายใต้กรอบของประชาธิปไตย "

มันกลายเป็นรูปประโยคมาตรฐานไปแล้วครับ ถ้าใครจะพูดถึงการเมืองในเวลานี้...

01 เมษายน 2552

073 | กำเนิด www.thaifacebook.in.th

เมื่อเช้าคุยกับ อจ.โอม เรื่องใช้ facebook chat แล้วก็เรื่องที่จะเขียน aritcle ลง Blog นี้ คุยไปคุยมาเกิดจุดประกาย อจ.โอมแนะนำว่า ในเมื่อ facebook ยังเป็นอะไรที่ใหม่มากสำหรับผู้ใช้ทั่วไปในบ้านเรา ทำไมเราไม่สร้างเว็บที่เป็น Community สำหรับผู้ใช้ facebook หน้าใหม่เอาไว้เข้ามาแลกเปลี่ยนความรู้ และิวิธีการใช้งานบ้างละ

ตัวอย่างที่มีแล้วตอนนนี้ก็อย่างเช่น Hi5 ที่มี Community ในไทยมากมาย เช่น http://www.thaihi5.com สาเหตุส่วนหนึ่งที่ Hi5 มีคนเล่นกันเยอะในบ้านเราเพราะว่าลูกเล่นที่ง่าย การตกแต่งของเล่นที่หลากหลายและฉูดฉาดโดนใจวัยรุ่นบ้านเรา อีกเหตุผลสำคัญเลยก็คือ Hi5 มีคนไทยเล่นกันเยอะมาก แหล่งข้อมูลสำหรับผู้ใช้ Hi5 ที่เป็นภาษาไทยก็เลยเยอะแยะตามไปด้วย

แล้ว facebook ละ เราเข้าใจกันว่า สาเหตุที่ facebook ในบ้านเรายังไม่บูมได้เท่ากับ Hi5 ส่วนหนึ่งมาจากข้อจำกัดเรื่องของภาษา ส่วนของ Interface ที่ดูเป็นทางการและไม่หวือหวา และส่วนสำคัญมากๆ เลยที่ผู้ใช้หน้าใหม่อย่างพวกเราต้องการก็คือ แหล่งข้อมูลที่เป็นภาษาไทยที่สามารถศึกษาและเรียนรู้ได้โดยง่าย

เราจะสามารถสร้างชุมชนผู้ใช้ facebook มือใหม่ในเมืองไทยขึ้นมาได้หรือไม่ ผมตัดสินใจกับ อจ.โอมแล้วเห็นว่า มันคุ้มค่าที่จะลองทำดู

จึงเป็นที่มาของเว็บไซต์ใหม่ของไทยที่แจ้งเกิดในวันนี้ ก็คือ http://www.thaifacebook.in.th ครับ



Logo แรกสุดของ thaifacebook.in.th

กระบวนการขอจด Domain Name และเช่า Web Hosting ดำเนินการกันแบบเร่งด่วนตั้งแต่ช่วงสายๆ ของวันเป็นต้นมา และมาแล้วเสร็จเป็นรูปเป็นร่างจริงๆ ตอนประมาณ 3 โมงเย็น (ที่อยากให้สามารถใช้งานได้ภายในวันนี้เพราะเราถือเคล็ดวัน April's Fools Day ครับ 55555) ถ้าเข้าไปดูที่เว็บตอนนี้ก็จะพบกับหน้าขาวๆ ที่มีโลโก้จืดๆ และข้อความบรรยายสรรพคุณนิดหน่อย เพราะว่าเราคิดกันสดๆ ทำงานกันแบบ no plan ซึ่งเป็นอะไรที่สนุกมาก สิ่งที่จะดำเนินการต่อไปก็คือ ติดตั้ง Forums และสร้าง Home Page ที่ดูมีประโยชน์มากกว่านี้ ซึ่งก็คงจะต้องดำเนินการกันต่อไปเรื่อยๆ อะนะครับ

สุดท้ายนี้ก็ขอฝาก thaifacebook.in.th ให้เป็นชุมชนออนไลน์สำหรับมือใหม่ facebook อย่างพวกเราด้วย อย่าลืมเข้าไปแวะเที่ยวชมกันบ้างนะครับ