หน้าเว็บ

22 ธันวาคม 2552

129 | คอนเสิร์ตพี่แอ๊ด



บัตรอะไรใบละสองแสนกว่า !!!!
มุกควายจากไอ้โอม 5555+

15 ธันวาคม 2552

128 | ศิวรักษ์



ไม่รู้จักได้ไงวะ คนเขารู้จักกันทั้งประเทศ...
5555+

12 ธันวาคม 2552

127 | กลอนจากวิดคอมรุ่น 31

...แด่ภาษาซี...ด้วยเกรดดี...
...กราบเรียนครูชยันต์ ที่กรองกลั่นภาษาซี
เนื้อหาวิชามี วันนี้เอามาเล่ากัน
....เดือนแรกที่เข้าเรียน อยู่ในช่วงที่เปลี่ยนผัน
สมองวุ่นวายพลัน เพราะฉันนั้นไม่เข้าใจ
....อาจารย์ก็แสนดี หาวิธีหลายหลากให้
พร้อมทำความเข้าใจ เพราะอยากให้ศิษย์ได้ทำ
...แต่โอ้ย...อยากจะบ้า เจอวิชาที่น่าขำ
เรียนไปก็ไม่จำ สอบกี่ครั้งมึนทุกที
...พี่เอที่น่ารัก เวลาพักน้อยเต็มที่
แต่พอเขียนภาษาซี ทำได้ดีบางอารมณ์
...พี่จรรองหัวหน้า ผู้วางท่าอย่างเหมาะสม
เงียบลึกและบาดคม เขียนการบ้านยังแทบตาย
...อีกคนที่อยากกล่าว ถึงแม้เขานั้นมาสาย
พี่โขงของเราไง เรียนๆไปใจรอนๆ
...หลายคนกล่าวไม่หมด ทุกคนจดจำครูสอน
บางวันไม่ได้นอน ทวนคำสอนที่เรียนมา
...เรียนไปยังมึนๆ จนไข้ขึ้นหลายองศา
ปวดหัวและแสบตา ก็เพราะว่าภาษาซี
...พอถึงวันที่สอบ หอบหนังสือมาเต็มที่
อ่านสัก 3 นาที ประจำที่นั่งหลับตา
...ข้อแรกก็แอบขำ รีบๆทำให้ผ่านตา
ท้ายๆยากหนักหนา อนิจจาต้องช่วยตน
...เปิดอ่านคำชี้แจง ถ้อยแถลงน่าฉงนท์
ฉันอยากจะเป็นลม เห็นข้อสอบจะบ้าตาย
...นั่งหลับสัก 10 วิ- นั่งคิดซิเรียนถึงไหน
อาเรย์ทำอย่างไร ลูป if for ไม่หวนคืน
.... print f ที่นึกได้ เขียนเข้าไปไหลไปลื่น
ก่อนส่งก็กล้ำกลืน ยังมึนๆตาก็ลาย
....พักผ่อน 1 สัปดาห์ ดื่มสุรานอนตื่นสาย
สอบเสร็จแสนสบาย ถึงเทอมใหม่ค่อยว่ากัน

ประพันธ์โดย กุหลาบหิน 21 ต.ค.52


-----------------------------------------


ขอบคุณคร้าบๆๆๆๆๆๆ

09 ธันวาคม 2552

126 | The King and My University

ช่วงวันพ่อนึกอยู่ว่าจะเขียน Blog เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ลืมไปได้ยังไงก็ไม่รู้ มานึกออกเอาวันนี้เลยต้องรีบเขียนก่อน ไม่งั้นเดี๋ยวลืมอีกคงต้องรอเป็นวันพ่อปีหน้า 5555

ตอนที่ผมเข้าเรียนปี 1 ใหม่ๆ ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมากๆ เพราะเรียนหนัก (ไม่มีพื้นฐานมาด้วย) แถมยังมีกิจกรรม สังคมใหม่ ฯลฯ หลายอย่าง แต่ที่หนักที่สุดก็เห็นจะเป็นเรื่องเรียนนี่แหละครับ

ผมเป็นหนึ่งในหลายๆ คนในห้องที่เลือกเรียนวิทยาการคอมพิวเตอร์เพราะความตื้นเขินในประสบการณ์ของตัวเอง คือคิดว่า แค่ชอบเล่นคอมฯ ใช้โปรแกรมไอ้โน่นไอ้นี่เป็น ก็คงเรียนได้ไม่มีปัญหา แถมยังคิดไปว่าวิทยาการคอมพิวเตอร์เนี่ย เขาเรียนการใช้งาน พวก Word, Excel, PowerPoint อะไรพวกนั้นไปอีก...จนกระทั่งเริ่มเรียนจริงๆ แล้วต้องพบกับความตระหนกแบบคาดไม่ถึงครับ อะไรเนี่ย...Algorithm? เขียนโปรแกรม? ภาษา Pascal? ภาษาอังกฤษตูยังจะเอาตัวไม่รอด...อะไรอีกละ โครงสร้างข้อมูล? ...Stack, Link List, Heap, ฯลฯ โอ้วววว อะไรเนี่ย !!!!

รุ่นพี่บางคนเคยถามผมว่า จบมาจากไหน จบสายอะไรมา พอรู้ว่าผมไม่ได้จบสายวิทย์ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "โหจะไหวหรอน้อง เขาไทร์กันไปเยอะแล้วนะพวกจบไม่ตรงสายอะ" ...เหอะๆ ความมั่นใจลดฮวบ เราคงเลือกเรียนผิดเส้นทางจริงๆ แหละ เวลานั้นผมคิดแค่ว่า หมดเทอมเมื่อไรจะออกไปเตรียมเอ็นท์อีกรอบ จะซิ่ลก็ช่างแต่ตูไม่ไหวละ ขอไปเรียนท่องจำของถนัดเราดีกว่า...เรื่องนี้ไม่ได้บอกใครนะครับ พ่อกะแม่ก็ไม่รู้

มีอยู่วันหนึ่งมาเรียนตอนเช้า แต่ยังไม่ถึงเวลาเรียนและเพื่อนๆ ก็ยังไม่มา ผมก็เลยเดินเล่นอยู่แถวใต้ตึกเรียน สมัยนั้นใต้อาคาร 4 จะเป็นสำนักงานอธิการบดี และก็ห้องทำงานของอธิการบดี-รองอธิการฯ เรียงกันยาวตลอดชั้น 1 (แต่ภาคคอมฯ ที่ผมเรียนอยู่ชั้น 4) ผมเดินดูป้ายดูบอร์ดอะไรไปเรื่อย จนมาสะดุดกับบอร์ดนี้ครับ



รูปปัจจุบัน เป็นบอร์ดอะไรซักอย่าง อยู่ใกล้ๆ โรงเรียนชาวนา

ในบอร์ดปรากฏภาพเหล่านี้...



นั่นคือเหตุการณ์เมื่อครั้งที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ (สมัยยังเป็นสถาบันราชภัฏนครสวรรค์) ทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาวิทยาศาสตรดุษฏีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เมื่อวันที่ 17 กรกฏาคม พ.ศ.2540 ถ้านับจากตอนผมเรียนปี 1 ก็คือ 4 ปีก่อนหน้านั้น
...ถ้านับจากวันนี้ก็ 12 ปีที่แล้วครับ



ฉลองพระองค์ครุย และปริญญาบัตรที่สถาบันราชภัฏนครสวรรค์ ทูลเกล้าฯ ถวาย

ส่วนสาขาวิชา (โปรแกรมวิชา) ที่ระบุไว้ในปริญญาบัตรที่ทูลเกล้าฯ ถวายในหลวง ผมอ่านแล้วขนลุกครับ



โปรแกรมวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์...

อ่านเสร็จผมก็ชะงักไปพักใหญ่ๆ
แล้วหลังจากนั้นผมก็เหมือนคิดอะไรได้ครับ ก็เปลี่ยนใจจากที่จะเลิกเรียนมาเอ็นท์ใหม่ มาตั้งใจเรียนให้หนักกว่าเดิม วิทย์คอมนี่แปลกครับยิ่งเรียนยิ่งยาก ยิ่งรู้ยิ่งโง่ ผมเผชิญความยากลำบากในช่วงเรียนมาอย่างหนักหน่วง ได้อาศัยเพื่อนๆ รุ่นพี่ๆ หลายคนช่วยกันประคองกันไปประคองกันมา จนถึงฝั่งในอีก 4 ปีครึ่งหลังจากนั้น...ผมก็เรียนจบจนได้ครับ

หลังจากเรียนจบใหม่ๆ เข้าทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ที่สำนักคอมฯ โต๊ะทำงานตัวแรกของผมเป็นโต๊ะเก่าของใครก็ไม่รู้ แต่ใต้แผ่นกระจกรองโต๊ะ มีกระดาษถ่ายเอกสารใบหนึ่งเสียบอยู่ นั่นคือใบนี้...



มันคือ สำเนาใบปริญญาบัตร ใบเดียวกับที่ทูลเกล้าฯ ถวายในหลวงเมื่อครั้งนั้นครับ ผมไม่ทราบเหมือนกันว่าใครเป็นคนถ่ายเอกสารแล้วมาไว้ที่โต๊ะทำงานเขา แต่สุดท้ายแล้วผมก็ได้รับช่วงต่อ "กำลังใจ" อันนี้ต่อมาครับ

จนถึงวันนี้ เอกสารฉบับนี้ยังอยู่ในลิ้นชักโต๊ะทำงานผม
เป็นสิ่งที่สร้างความภูมิใจ และกำลังใจให้ผมในวันนี้ และต่อไป ในวิชาชีพนี้
ผมภูมิใจครับ ที่ได้เรียนในสาขาวิชานี้...
ผมภูมิใจครับ ที่ได้เรียน และได้ทำงาน ในสถานศึกษาที่มีชื่อแปลได้ว่า "คนของพระราชา" แห่งนี้

ผมขอส่งต่อความรู้สึกเหล่านี้ ไปถึงน้องๆ วิทยาการคอมพิวเตอร์ และ เทคโนโลยีสารสนเทศฯ ทุกคน
จงภูมิใจครับ.

06 ธันวาคม 2552

125 | #WeLoveKing

ปรากฏการณ์บน Twitter ที่เกิดขึ้นในช่วง 5 ธันวา เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น่าจดจำครับ

ข้อความทวิตเตอร์ WeLoveKing อันดับ1โลกครั้งแรก

(ข่าวจาก sanook.com)

คนไทยออนไลน์แสดงให้โลกรับรู้ถึงพลังความรักในหลวง ดัน "WeLoveKing"ติดอันดับหนึ่งโลกในทวิตเตอร์ ขณะที่สื่อต่างชาติหลายสำนักต่างพากันรายงานข่าวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยกในหลวงคือพลังแห่งเสถียรภาพตลอดช่วง 6 ทศวรรษที่อยู่ในราชบัลลังก์

สังคมคนไทยออนไลน์ทั่วโลกแสดงพลังความรัก สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผ่านทวิตเตอร์ โดยในเวลา 20.29 น. วันที่ 5 ธันวาคม 2552 ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ สามารถทำให้คำว่า #WeLoveKing ขึ้นอันดับหนึ่งในโลกทวิตเตอร์ที่มีการพิมพ์และค้นหามากที่สุดในโลกเป็น ครั้งแรก มากกว่าคำว่า "คริสต์มาส" หลายช่วงตัว

ทั้งนี้เมื่อเวลา 19.29 น. วันที่ 5 ธันวาคม ช่วงเวลาจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล คนไทยทั่วโลกที่ใช้ทวิตเตอร์นับแสนคนได้ร่วมใจกันถวายพระพรพร้อมกันด้วยคำ ว่า"#WeLoveKing"จนกระทั่งในเวลา 20.29 น. คำว่า #WeLoveKing ได้ขึ้นอันดับหนึ่งบนทวิตเตอร์ ปรากฏอยู่ใน Trending Topics ซึ่งเป็นหมวดที่คนเข้าไปค้นหาและให้ความสนใจมากที่สุด ผ่านสายตาคนทั่วโลกที่ใช้ทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊กรวมกันนับร้อยล้านคน

สำหรับ #WeLoveKing หมายถึง การที่มีคนสนใจที่จะเข้ามาถวายพระพรและแสดงความจงรักภักดี จะใช้ #WeLoveKing อยู่ในการส่งข้อความทวิต และในช่วงเวลานั้นมีผู้ใช้ทั่วโลกร่วมใจกันทวิตพร้อมๆ กันจำนวนนับแสนครั้ง ทั้งนี้ #nowplaying ซึ่งเป็นข้อความเกี่ยวกับเกมต่างๆ ซึ่งกลุ่มคนเล่นเกมทั่วโลกใช้สนทนาได้ตกเป็นอันดับสอง

ด้านสื่อต่างชาติต่างพากันรายงานข่าวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยสำนักข่าวเอเอฟพี รายงานข่าวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เนื่องในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม โดยได้หยิบยกพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รายงานไปทั่วโลก โดยเฉพาะประเด็นที่มีพระราชกระแสรับสั่งว่า "ความสุข ความสวัสดี ของข้าพเจ้าเกิดขึ้นได้ก็ด้วยบ้านเมืองของเรามีความเจริญ มั่นคง เป็นปกติสุข ความเจริญ"

สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานด้วยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคือพลังแห่งเสถียรภาพตลอดช่วง 6 ทศวรรษที่อยู่ในราชบัลลังก์

ด้านสำนักข่าวเอพีก็รายงานข่าวในทำนองเดียวกัน แต่เสริมว่า พสกนิกรจำนวนมากมาที่โรงพยาบาลศิริราชกันตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม เพื่อรอโอกาสที่จะได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวันนี้ (5 ธ.ค.) โดยผู้คนมากมายสวมเสื้อสีชมพู ซึ่งเริ่มเป็นที่นิยมกันตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อน หลังจากที่มีการทำนายว่า สีชมพู เป็นสีที่ดีต่อพระพลานามัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บางคนแม้ว่าจะมีวัยกว่า 80 ปีแล้ว ก็ยังอุตส่าห์เดินทางมาจากภาคอีสานของไทย เพื่อร่วมถวายพระพรชัยมงคล และบางคนก็ปฏิบัติเช่นนี้ทุกปี นานถึงกว่า 40 ปีแล้ว

สำนักข่าวเอพีรายงานด้วยว่า ในโอกาสเช่นนี้เป็นโอกาสให้คนไทยได้ปัดเอาความเห็นที่ขัดแย้งในทางการ เมืองออกไป และกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ซึ่งการแสดงถึงความสามัคคีแบบนี้เริ่มหาได้ยากตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

สำนักข่าวดีพีเอรายงานว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นเสาหลักสำคัญสำหรับเสถียรภาพทางการเมือง ระยะยาวของประเทศ และแม้พระองค์จะไม่มีอำนาจในการบริหาร แต่พระราชภารกิจด้านการพัฒนาที่ทรงปฏิบัติมาตลอด ทำให้พระองค์ทรงเป็นที่รักและเคารพของประชาชน และได้รับการยกย่องว่า ทรงเป็นผู้บุกเบิกปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่สหประชาชาติให้การยอมรับ ทั้งยังทรงมีบทบาทสำคัญในการไกล่เกลี่ย ในยามที่การเมืองของไทยมีปัญหา สามารถนำความสงบกลับมาสู่ประเทศหลายต่อหลายครั้ง

ด้านสำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า แม้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จฯ ออกจากโรงพยาบาลเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็เป็นความหวังให้แก่คนไทยหลายล้านว่าพระองค์จะทรงหายจากพระอาการประชวร โดยเร็ว

24 พฤศจิกายน 2552

124 | R.I.P. สมัคร สุนทรเวช



ตอนที่เขียน Entry นี้มันก็เกือบจะล่วงเข้าวันใหม่แล้ว สรุปว่า เมื่อเช้่าวันที่ 24 พฤศจิกายน 2552 อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ของไทย นายสมัคร สุนทรเวช ได้ถึงแก่อนิจกรรมแล้วด้วยโรคมะเร็งตับ

ผมยอมรับว่าในรัฐบาลสมัคร ผมเป็นหนึ่งในกลุ่มเสื้อเหลืองที่ต่อต้านรัฐบาลนี้อย่างเต็มที่ และก็ไม่คิดว่านายกฯ คนนี้จะพลาดท่าต้องถูกพิพาษาออกจากตำแหน่งด้วยข้อหาเกี่ยวกับรายการทำอาหาร แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนผลัดรัฐบาลที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นก็ส่งผลมาถึงเหตุการณ์ต่างๆ ในปัจจุบันนี้

เช้าวันนี้ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับ SMS ของ Thaksinlive (สมัครไว้เพราะตานี่แก Block Twitter ผม) บอกว่าไว้อาลัยนายสมัคร ผมตกใจพร้อมๆ กับแปลกใจว่า ...ทำไมกะทันหันอย่างนี้

สุดท้าย คนที่ตายก็ตายไปแล้ว เหตุการณ์ใดๆ ที่เคยก่อไว้ ผู้ก่อเองนั้นคงจะรับทราบดีที่สุด สำหรับตัวผม ผมขออโหสิกรรมไว้ ณ ที่นี้ และผมไม่เห็นด้วยกับผู้ใดก็ตามที่จองเวรตอกย้ำแม้คนที่ตายไปแล้ว

สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากเหตุการณ์นี้ อย่างน้อยก็หนึ่งเรื่องคือ
...ยังไงเราก็หนีไม่พ้นความตาย

16 พฤศจิกายน 2552

123 | FAIL.in.th

จาก Entry 015 เมื่อ 28 ก.ย. ปีที่แล้ว (http://dew55.blogspot.com/2008/09/015.html)

ตอนนี้มันออกสู่สายตาชาวโลกแล้วครับ ใน FAIL.in.th (http://fail.in.th/2009/11/logo-fail/)



FAIL
5555+

10 พฤศจิกายน 2552

122 | Draft 'til Done : หนังสือ 4000103 (พิมพ์ครั้งที่ 3)

จากตอนที่ 027 เมื่อปีที่แล้ว หลังจากหนังสือขายหมดเกลี้ยงแต่นักศึกษายังต้องการใช้อีกมาก ก็ได้มีการประกาศภาวะฉุกเฉินโดยนำต้นฉบับไป Print ถ่ายเอกสารขายไปก่อน (เรียกว่าพิมพ์ครั้งที่ 2) และมาปีนี้ ทางสาขาฯ ก็ได้ตกลงว่าจะให้มีการพิมพ์เพื่อจำหน่ายอีกครั้ง โดยปรับปรุงเนื้อหาให้ทันสมัยมากขึ้น และผมก็ได้รับโอกาสให้ทำปกของฉบับพิมพ์ครั้งที่ 3 ครับ

Draft...



'til Done




รูปจาก Google และออกแบบด้วย Adobe Fireworks CS3 ครับ ใช้เวลาทำทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมง
ได้ยินอาจารย์หลายท่านบอกว่า "ปกรุ่นนี้สวยดี" แค่นี้ก็ปลื้มแย่แล้วครับ เหอๆๆๆๆ

07 พฤศจิกายน 2552

121 | My E63

และแล้ววันนี้ก็ได้โทรศัพท์ใหม่มาครอบครองอีก 1 เครื่อง จากความอยากไม่สิ้นสุดของกระผมเอง 555
มันคือรุ่นนี้ครับ

"Nokia E63"



สาเหตุที่ซื้อไม่ใช่เพราะเครื่องที่ใช้อยู่ (5800 XpressMusic) เสียหรือหายอะไร แต่ "อยากได้" เฉยๆ ครับ (ทั้งๆ ที่มีเบอร์เดียว และก็ไม่คิดจะเปิดเบอร์เพิ่มด้วย บ้าไหมนั่น) ที่อยากได้รุ่นนี้ก็เพราะว่า :

- ติด Twitter + NokNok + Shared Online (ด้วย PixelPipe)
- เบื่อ Visual Keyboard ที่จิ้มแล้วไม่รู้สึกว่าจิ้ม
- เบื่อ Touch Screen แถมหมุนไปหมุนมาอีก
- อยากได้ Keyboard แบบ QWERTY เต็มๆ กดเน้นๆ
- มันสวย
- มันไม่แพงเกิน
- มันมีตังค์ (มันในข้อนี้คือผม 555)

แล้วพอมีตังค์ก็เลยไปซื้อมาซะงั้นไงครับ โดยรวมจากที่ลองเล่นเผินๆ แล้วก็ค่อนข้างพอใจครับ ขัดใจที่สุดอย่างเดียวคือ "Keyboard ภาษาไทย" ที่เรียงมาแบบโคตรมั่ว ขนาดว่าเราจิ้มเก่งๆ แล้ว พอไปลอง Model ที่ร้านไอ้แจ๊ค (ซื้อร้านไอ้แจ๊คเพื่อนกัน ที่ชั้นใต้ดิน Big C) ถึงกับยืนตะลึงไปชั่วขณะ (ถึงตอนนี้ก็ยังพิมพ์ไทยไม่คล่อง)

นอกเหนือจากจุดขายต่างๆ ทางด้านการใช้งานอินเตอร์เน็ตแล้ว ข้อบกพร่องของมันเลยก็คือ กล้อง, เสียง และลูกเล่นหวือหวา ซึ่งทั้งหมดนี้มีอยู่ใน 5800 ผมก็เลยพกมันสองเครื่องอย่างนี้แหละครับฮ่าๆๆๆๆ

สรุปราคาหน้าร้าน 8,700 ไอ้แจ๊คลดให้เหลือ 8,500 แม่ต่อเหลือ 8,400 แถมกันรอย โอเคครับ ยอมรับได้ด้วยประการฉะนี้.

01 พฤศจิกายน 2552

120 | My 26th Anniversary



โอม / ต้น / และข้าเจ้า ณ โต๊ะทำงาน วันที่ 1 พฤศจิกายน 2552 เวลา 14.40 น.


วันนี้ก็ครบรอบอายุ 26 ปีแล้วครับ

ในทางนิตินัยก็กลายเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาอีกนิด แต่ในทางพฤตินัยก็ยังก๋องแก๋งเหมือนเดิม
แต่ก็จะพยายามปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นกว่านี้ครับ
ขอขอบคุณทุกคำอวยพรที่มอบให้ในวันนี้ ผมขอบอกเหมือนเดิมว่า ผมมีความสุขมากๆ จริงๆ ครับ

18 ตุลาคม 2552

119 | รถไฟฟ้า มาหานะเธอ



สองทุ่มสิบ วันที่ 17 ต.ค.


me : มึงอยู่ไหนวะ
ไอ้ชัช : กูอยู่บ้าน มีไรวะ
me : ไม่เข้าร้านเล็กแงะ
ไอ้ชัช : เออ วันนี้ไม่เข้า มีไรวะ (รอบสอง) มึงอยู่ไหนเนี่ย
me : กูกำลังจะไปดูเหมยลี่ รอบ 2 ทุ่มครึ่ง ไปกะกูเปล่า
ไอ้ชัช : ใครไปมั่ง
me : กู
ไอ้ชัช : เออไปๆ
me : เดี๋ยวกูไปรับ

ตอนแรกว่าจะไปดูรอบดึกสุด (3 ทุ่มครึ่ง) แต่กลัวฝนตก เดี๋ยวขากลับจะเป็นพระเอกมิวสิคไปซะ เลยไปให้ทันรอบ 2 ทุ่มครึ่งดีกว่า พอดีเมื่อวานเปรยๆ กันไว้ว่าอยากไปดูเหมยลี่ แล้วเสือกว่างตรงกันอีก เลยจัดซะคนละ 120 ได้ดูเหมยลี่กันสมใจ 5555 คนบ้าอะไรน่ารักโฮกๆ

ตอนหนังจบเดินออกจากโรงเห็นที่นั่งบนๆ กินป๊อปคอร์นเหลือเต็มกล่อง ยืนมองกลืนน้ำลายเอื้อกๆ จะหยิบมากินต่อแล้วแต่ (แม่ง) คนออกจากโรงไม่หมดซะที พอคนหมดไฟก็ดันเปิด พนักงานเข้ามาพอดี อด !! (ความตกต่ำของอาชีพพ่อพิมพ์ของชาติ 55555+)

ความประทับใจ
หนัง Feel Good แบบ GTH จริงๆ แต่เผอิญว่าเรื่องนี้มันโดนใจมากๆ เพราะตรงกับช่วงวัยทำงานอย่างเราๆ กันพอดี เลยอินกะหนังกันแบบสุดติ่ง แถมฉากหลายๆ ฉากในหนัง (สถานี BTS, ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตรงข้ามวัดอรุณฯ และอื่นๆ) ผมก็เคยไปเดินแกว่งกลางดึกอย่างเหมยลี่มาแล้วสมัยฝึกงานเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว ก็เลยเข้าใจว่า "อารมณ์เหงา" ของคนเมืองหลวงเป็นยังไง และจากองค์ประกอบอื่นๆ ในเรื่องอีกก็สรุปได้ว่า เรื่องนี้ก็ 10/10 อีกเช่นเคย (ล่าสุดก็จากเรื่อง ความจำสั้น แต่รักฉันยาว ใน Entry 064) และก็คงจะมาเป็นส่วนหนึ่งในตู้ DVD ของผมในเร็วๆ นี้ครับ

ฉากฮาโดนใจ
- อ้วกไวน์
- พี่เรน
- เข้าส้วม
- พี่เคนขอเติมน้ำปืนฉีดน้ำ
- สามกิ๊กดูดาวหาง

ฉากซึ้งโดนใจ
- ฉากรื้อกล่อง (ส่วนใหญ่ก็คงน้ำตาร่วงกันตอนนี้แหละมั้ง)

ฉากอิจฉาได้ใจ
- พนักงาน BTS ได้ทุนเรียนต่อเมืองนอกด้วย !!

Favorite Quote
"ฉันกินข้าวคนเดียวมาสองเดือนแล้วนะเว้ย"

12 ตุลาคม 2552

118 | ประกาศจับโคตรฮา

เมื่อตอนค่ำวันนี้ไป SE-ED Book ที่แฟรี่แลนด์มา เดินไปยินดูหนังสือมุมประวัติศาสตร์ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับประตูห้องพนักงาน ก็เห็นไอนี่แปะอยู่



มันคือประกาศจับคนขโมยหนังสือครับ เท่าที่อ่านดูก็เห็นว่าคนพวกนี้ลงมือในร้านหนังสือหลายจังหวัด เขาก็เลยเอามาแปะไว้ที่หน้าประตูห้องพนักงาน ให้พนักงานดูหน้าไว้เผื่อเจอมันมาลงมือที่ร้านก็จะได้แจ้งตำรวจจับได้เลย แต่ไอ้ที่ฮาคือ "ฉายา" ที่ในประกาศเขาตั้งไว้เรียกขโมยครับ ลองดู



ไอ้หยาอาตือนี่มันคือชื่อหนังเก่าโคตรๆ สมัยสมบัติเมทะนียังละอ่อน



ลุงมหาโจร กะ ป้ามหาภัย



แก๊งนี่ดูชื่อแต่ละคน มีไอ้นำหน้าหมดเลย



ชื่อแก๊งค์นี้เจ็บปวดมากๆ



ผมฮาอันนี้สุดๆ แล้วอะ ยืนหัวเราะในร้านซะดังเลย

ผมเดาเอาว่าคนทำป้ายเนี่ย ถ้าไม่แค้นพวกแก๊งค์ขโมยของมากๆ ก็คงเป็นคนที่มีอารมณ์ขันมากๆ แหงเลย
อย่างนี้น่าให้ไปอยู่กับหนังสือ ฮิ ละก็รุ่งแน่นอน 55555+

10 ตุลาคม 2552

117 | จดหมายเก่า

วันนี้ผมไปรวมญาติกับที่บ้าน เพราะเป็นวันครบรอบวันไหว้อาเหล่าม่า (คนไทยอาจเรียกว่าทวด)

วันรวมญาติของบ้านเราจะมีอยู่ปีหนึ่งประมาณ 5-6 ครั้ง และทุกครั้งก็จะมีญาติพี่น้องที่ไปทำงาน หรืออยู่จังหวัดต่างๆ กลับมามากมาย อาจจะยกเว้นบางคนที่ติดธุระติดงานไม่อาจมาได้ก็ไม่ว่ากัน (ผมเองก็ไม่ได้ไปอยู่หลายครั้งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา) ซึ่งสำหรับลูกหลานจีนอย่างเราแล้ว มันคงเป็นความอบอุ่นแบบหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ละมั้ง

หลังจากไหว้เสร็จเราก็จะทานข้าวร่วมกัน พูดคุยเรื่องงาน เรื่องครอบครัว เหตุบ้านการเมือง ฯลฯ แลกเปลี่ยนกันในหมู่ญาติ ตอนเราเด็กๆ เราก็มักจับกลุ่มกับเด็กรุ่นเดียวกัน คุยกันเรื่องเกม การ์ตูน เรื่องที่โรงเรียนอะไรพวกนี้ พอโตมาจนเป็นวัยรุ่นเราก็มานั่งคุยเรื่องเพลง เรื่องหนัง เรื่องเรียนต่อ จนถึงตอนนี้รุ่นผมก็ทำงานกันหมดแล้ว เราก็เลยไปนั่งรวมกับพวกผู้ใหญ่เพื่อคุยเรื่องผู้ใหญ่ๆ กับเขาบ้าง (555) ทุกคนโดยเฉพาะเด็กๆ จะเปลี่ยนแปลงเร็วมากจนบางครั้งผมไม่ได้มานานเป็นปี ก็เริ่มจะจำหน้ากันไม่ได้แล้ว ต้องมานั่งลำดับญาติกันใหม่อยู่เรื่อยๆ อันนี้ก็ตลกดีเหมือนกัน

ขอเล่าประวัติความเป็นมาของสายตระกูลทางแม่นิดหนึ่ง ตัวผมนั้นประกอบไปด้วยเลือดจีนและเลือดไทยอย่างละครึ่งพอดี ทางพ่อจะเป็นไทยอีสานแท้จากร้อยเอ็ด ส่วนทางแม่นั้นถ้านับย้อนไปละก็จะต้องเริ่มที่เมืองอะไรซักอย่างทางตอนใต้ของประเทศจีนโน้น

บรรพบุรุษรุ่นแรกที่เดินทางมายังประเทศไทยก็คือ อาเหล่ากงและอาเหล่าม่า (อย่างที่บอกว่าคนไทยน่าจะเรียกทวด เพราะว่าเป็นพ่อแม่ของยายอะนะ) เดินทางมาจากประเทศจีนโดยอาศัยใต้ท้องเรือของพวกฝรั่งมา ประเทศไทยตอนนั้นอยู่สมัยรัชกาลที่ 6 ครับ พอมาถึงกรุงเทพฯ แล้วก็หางานทำเรื่อยไป จนกระทั่งเดินทางมาปักหลักครอบครัวอยู่ที่ปากน้ำโพนี่เอง สมัยนั้นคนจีนในตลาดมีเยอะครับ บ้างรวย บ้างเป็นกุลี ทำงานหากินไปตามอัตถภาพ อาเหล่ากงทำงานหนักหลายอย่าง แต่ที่ลูกหลานจำได้แม่นและเล่าสู่รุ่นหลังๆ ก็คือ พายเรือขายก๋วยเตี๋ยว ตั้งแต่สถานีรถไฟปากน้ำโพ (ที่เมื่อสมัยก่อนคึกคักสุดๆ) ไปจนตลาด ส่วนอาเหล่าม่านั้นก็ทำเฉาก๊วยขาย และก็ทำนู่นทำนี่หลายอย่าง

ดังนั้นฐานะความเป็นอยู่ในรุ่นของอาเหล่ากงอาเหล่าม่าจึงลำบากมาก พอมาถึงรุ่นลูกก็ยังไม่อาจเรียกได้ว่าไม่จน นับกันต่อมาก็คือรุ่นของอาม่า (คนไทยเรียกยาย) ก็จะอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ก็อย่างที่รู้กันในภาวะสงครามเขาก็อยู่กันอย่างยากลำบากแล้ว อาม่าผมมักจะเล่าให้ฟังเสมอถึงเมื่อครั้งยังเด็กที่ช่วยอาเหล่าม่าหาบส้มโอ สัปปะรด วิ่งขายให้กับพวกทหารญี่ปุ่นที่มาพักที่สถานีรถไฟปากน้ำโพ (ทหารญี่ปุ่นจะกินแต่ผลไม้ที่มีเปลือกหนา และไม่กล้ากินอาหารอื่นเพราะกลัวโดนคนไทยวางยาพิษ) บรรพบุรุษของเราผ่านช่วงเวลาสู้ชีวิตช่วงนั้นมาอย่างยากลำบาก

อาม่าแต่งงานกับอากง (คนไทยเรียกตา) ซึ่งเป็นลูกชาวจีนเช่นกัน ดังนั้นพอมาถึงรุ่นแม่ของผม แม้จะเกิดที่เมืองไทยทุกคน และใช้ชื่อ-นามสกุลเป็นภาษาไทยหมด แต่ก็ไม่อาจเรียกได้ว่าเชื่อชาตินั้นเป็นไทย (เพราะว่าพ่อก็จีน แม่ก็จีน ลูกก็ต้องจีน 100% ใช่ปะ) ในรุ่นแม่ผมเริ่มมีโอกาสเรียนหนังสือ แต่ก็ไม่ได้สบายเหมือนเด็กตลาดในยุคนั้นเพราะว่าอยู่บ้านนอก (สมัยนั้นก็ถือว่าบ้านนอกละนะ) ต้องเรียนโรงเรียนวัด เลิกเรียนมาก็ต้องทำงานช่วยที่บ้าน เวลามีงานวัดก็ไปทำก๋วยเตี๋ยว ทำขนมขายกัน (แม่เล่าให้ฟังเหมือนกับว่ามันสนุกมาก แต่ผมแน่ใจว่าการขายขนมเพื่อหาเงินมาทำกิจกรรมในมหาลัย กับการขายขนมเพื่อเอาเงินมาใช้เป็นค่ากินอยู่ในวันพรุ่งนี้ ความสนุกมันต่างกันแน่ๆ) พี่น้องทุกคนได้เรียนสูง ได้ทำงานในอาชีพที่ดี มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงานกันหมดทุกคน บ้างเป็นแพทย์ พยาบาล ครู นักกฏหมาย ฯลฯ

กว่าจะมาถึงตรงนี้ใช้เวลาไปแล้ว 3 ชั่วอายุคน อาเหล่ากง อาเหล่าม่า อยู่รอจนได้เห็นความสำเร็จในรุ่นหลาน แล้วท่านทั้งสองก็จากไปตามอายุขัยและกาลเวลา อาเหล่ากงเสียตอนผมอายุได้ขวบเดียวผมเลยจำอะไรไม่ได้เลย ส่วนตอนที่อาเหล่าม่าเสียนั้นผมก็ยังเป็นเด็กน้อยๆ ยังไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวอะไรเท่าไร เลยจำได้ลางๆ ว่าตอนเล็กๆ อาเหล่าม่ามักจะเรียกผมไปหา และมักจะพูดภาษาจีนซึ่งผมฟังไม่ออก (555) จำได้แค่นี้เอง

แม้ว่าวันนี้อาเหล่ากงและอาเหล่าม่าจะไม่ได้อยู่เห็นรุ่นเหลน โหลน และรุ่นต่อๆ ไปอีกแล้ว แต่พวกเราที่มารวมญาติกันในทุกๆ ปีนี้ ก็ได้เห็นความเปลี่ยนแปลง ความสำเร็จ ความล้มเหลว การเกิด การเจ็บป่วย การเสียชีวิต ของญาติๆ ทุกคนอย่างต่อเนื่อง ญาติผู้ใหญ่ของเราแก่ตัวลง อีกไม่นานก็คงจากเราไปทีละคน ส่วนญาติตัวน้อยๆ ของเราก็เกิดใหม่กันเรื่อยๆ นับกันได้ถึงรุ่นโหลนแล้ว เด็กๆ ตัวเล็กตัวน้อย วิ่งเล่นกันสนุกสนานทุกครั้งเวลาเจอเพื่อนที่เป็นญาติเราเอง เหมือนที่เราเคยเป็นเมื่อตอนเราตัวเล็กๆ เหมือนกัน

น้าของผมคนหนึ่งนำของสำคัญมาให้ดู มันเป็นจดหมายเก่าจากน้องชายของอาเหล่ากง ที่ส่งมาที่นี่

...เมื่อกว่า 50 ปีที่แล้ว



สภาพของจดหมายกว่า 20 ฉบับ

น้าไปเจอที่บ้านหลังจากถูกเก็บไว้มานานหลายสิบปี และเอาฉบับหนึ่งไปให้ผู้เชี่ยวชาญภาษาจีนแปลให้ ทำให้เราได้รับรู้เรื่องราวในอดีตเมื่อกว่า 50 ปีที่แล้วโดยที่ไม่มีใครรู้มาก่อน น้องชายเขียนเล่าเรื่องราวครอบครัวให้พี่ชายได้รับรู้ ถึงความคิดถึงพี่น้อง ถึงความยากลำบากในการทำงานและกินอยู่ในต่างเมือง และลงท้ายด้วยความคิดถึงที่อยากจะได้มาเจอครอบครัวของพี่ชาย และลูกๆ หลานๆ

จากเนื้อความในจดหมายทำให้เราได้เข้าใจความรู้สึกของ "พี่น้อง" อันเหนียวแน่นนี้



หนึ่งในฉบับที่เอามาแปลแล้ว

พวกญาติผู้ใหญ่เล่าว่าอาเหล่ากงมีน้องชาย 1 คนอยู่ที่สิงคโปร์ และจดหมายเหล่านี้ก็ส่งมาจากที่นั่น ครอบครัวของน้องชายอาเหล่ากงก็ถือว่าเป็นญาติของพวกเรา ซึ่งหลังจากขาดการติดต่อไปหลายสิบปี พวกเรารุ่นหลังถึงกับอึ้งเมื่อได้รู้ว่า นอกจากญาติที่บ้านเกิดของอาเหล่ากงที่เมืองจีน (ซึ่งเราก็รู้ไม่ชัดเจนว่าอยู่ที่ไหน) แล้ว เรายังมีญาติอีกหนึ่งสายที่สิงคโปร์ด้วย

สุดท้ายเราคุยกันว่า จะลองสืบหาที่อยู่ของญาติเราที่สิงคโปร์ แม้ว่าตอนนี้อาจจะเหลือเป็นเพียงรุ่นลูกหลานแล้ว แต่อย่างไรเสียก็มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดอย่างสำคัญ แล้วสักวันเราอาจจะได้เจอพวกเขาจากที่นั่น ...ผมคิดว่ามันคงเป็นวันที่มีความสุขทีเดียวถ้าเราจะได้เจอหน้าคนที่เราไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่สืบสาวความสัมพันธ์กันได้ถึงรุ่นบรรพบุรุษเมื่อนับร้อยปีที่แล้ว

...และในวันนั้น เราหวังว่าจะได้ทำให้ความฝันของสองพี่น้องในอดีตอันแสนนาน ได้เป็นจริง.

02 ตุลาคม 2552

115 | Success for MSc [2]

วันนี้เมื่อสักพักนี้เอง แม่โทรมาบอกว่า "Transcript ส่งมาถึงบ้านแล้ว" โอ๊ะ !! ตกใจมาก
มือไม้สั่นรีบมาเปิดเว็บทะเบียนดู ปรากฏแล้วว่า ....



โอ้วววเย้ๆๆๆๆๆๆๆ !!!!

ได้ยืนเต็มสองขาเหมือนชาวบ้านเขาซักที โอ้วววววววววววววส์

29 กันยายน 2552

114 | Success for MSc



หลังจากต่อสู้กับช่วงเวลาแห่งการทำ IS มานานหลายเดือน...ในที่สุดก็

จบแล้วโว้ยยยย !!!

13 กันยายน 2552

113 | รวมคาราโอเกะรถทัวร์ : เพลงโบราณ

จู่ๆ ก็อยากฟังขึ้นมาซะงั้น รู้สึกว่าเดินทางกับพวกอาจารย์ผู้ใหญ่บ่อยๆ ได้ฟังจนติดแล้วมั้ง 555

รักฉันนั้นเพื่อเธอ (อาจารย์หนุ่มวัยกลางๆ)




บุษบาเสี่ยงเทียน (เหล่าอาจารย์ป้า)



ทรายกับทะเล (อาจารย์สาวๆ รุ่นน้า)



พบรัก (อาจารย์หนุ่มวัยกลางคน)



ยากยิ่งนัก (เช่นกัน)



ด้วยรักและผูกพัน (อันนี้พวกรุ่นผมพอร้องเป็น)



โกหกหน้าตาย (โอ้...)



พรานทะเล (รุ่นเก๋าสุดๆ)



นกเขาคูรัก (เพลงคู่ มีท่อนโคตรฮาด้วย)



ใต้ร่มมลุลี (เพลงคู่เช่นกัน)



สักขีแม่ปิง (อันนี้ไม่ค่อยได้ยินใครร้องเท่าไร)



ขมิ้นกับปูน (เพลงของอาจารย์วัยเริ่มกลางคน)



ทัดทาน (เช่นกัน...)



เอาแค่นี้ก่อน คราวหน้ามาหาต่อ

12 กันยายน 2552

112 | สัปดาห์แห่งหมู



มันเริ่มที่วันอังคาร...


อังคาร 8 กันยายน 2552 : หมูกะทะร้านโชกุน
สมาชิก : พี่แจ็ค พี่เอฟ พี่ต้น พี่นิล พี่เจี๊ยบ พี่ศักดิ์ เฉลา กุลดา ฟ้าเล็ก แตง
สภาพ : อร่อยแต่อิ่ม ท้องเสียอีก สงสัยหมูไม่สะอาด

พุธ 9 กันยายน 2552 : Hot Pot Buffet - Tesco Lotus พิษณุโลก
สมาชิก : พี่ต้น แตง
สภาพ : อร่อย อิ่มจนหายใจไม่ออก เดินย่อยใน Lotus ด้วยความทรมาน

พฤหัส 10 กันยายน 2552 : หมูกะทะร้านพรีเมียร์
สมาชิก : ไอ้เสริม ไอ้ล้อค แอม
สภาพ : อิ่มแต่พอสมควร กินไอติมเยอะเป็นพิเศษ แน่นท้องแล้วไปต่อ BonBon Club

ศุกร์ 11 กันยายน 2552 : หมูจุ่มเตาไฟฟ้า ห้องพัฒนาระบบสารสนเทศ ARITC
สมาชิก : พี่แจ็ค พี่เอฟ พี่ศักดิ์ เฉลา กุลดา ฟ้าเล็ก
สภาพ : อร่อยโคตรๆ กินเห็ดจนหมดฟาร์ม แน่นอีกตามเคย

เสาร์ 12 กันยายน 2552 : หมูกะทะร้านพรีเมียร์ (อีกแล้ว)
สมาชิก : ไอ้ชัช ปลั๊ก
สภาพ : เฟรนซ์ฟรายจานพูนๆ กับไก่ทอดเหลืออีกบาน โยนให้หมาช่วยกินจนหมด อิ่มแทบบ้า




สภาพร่างกายตอนนี้พบว่า แยกไม่ออกแล้วว่ามันทำให้อ้วน หรือมันกำลังเปลี่ยนเนื้อเราเป็นเนื้อหมู !!!

11 กันยายน 2552

111 | แด่ผองเพื่อนพี่น้องผู้ร่วมวิชาชีพ...

หมายเหตุ : ข้อความต่อไปนี้ถูกส่งใน noknok ช่วงเย็นวันที่ 11 ก.ย.2552


... ข้อความต่อไปนี้ขอมอบให้แก่ ผองเพื่อนพี่น้อง ผู้ร่วมวิชาชีพทั้งหลาย

โลกวันนี้อาจเปลี่ยนแปลงไป มากมายจนยากที่จะเข้าใจหรือยอมรับ ..ความเห็นที่แตกต่างอาจสร้างความขัดแย้ง

ณ จุดนี้อาจเป็นเพียงระยะเริ่มของการเดินทาง อาจมีสิ่งที่ผิดพลาด พลั้งเผลอ กระทำโดยปราศจากความคิดคำนึงตามวุฒิภาวะที่ควรจะเป็น

แต่แนวทางที่ถูกต้องยังคงมี..ยังคงเป็นเช่นเดิม รอเมื่อเราได้คิด ได้สติ แล้วเลือกที่จะกลับมาเดินต่อในทางที่ถูกต้อง..ที่อาจจะหลงหายไปนาน

แม้เมื่อกลับมายึดมั่นในสิ่งที่ถูกที่ควร จะพบว่าความจริงแล้ว อาจมีอะไรอีกหลายอย่างที่ไม่คาดคิด...

ในสีขาวอาจจะมีสีดำอยู่ภายใน ในความเชื่อมั่นอาจมีสิ่งเร้าให้ท้อแท้หรือหวั่นไหว

สุดท้ายแล้วขอเพียงเชื่อมั่น...เชื่อในอุดมการณ์ เชื่อในความหวัง...เชื่อในศรัทธาที่ถูกต้อง

หนึ่งวันในวันนี้อาจเป็นวันที่แสนลำบาก แสนจะท้อแท้ และในอีกทุกวันหลังจากวันนี้ อาจจะหนักหนาสาหัสยิ่งกว่า อาจจะท้อแท้จนเสียความหวังที่มีมา...

...แต่นั่นคือสิ่งที่เราจะต้องเจอ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเจอ อนาคตไม่มีวันสุขสบายกว่าอดีต สิ่งใดๆ ต้องแลกเปลี่ยนมาด้วยสิ่งที่เท่าเทียมเสมอ

กำลังใจที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน ไม่มีใครจะให้ได้นอกจากตนเอง ..จงเชื่อในตน เชื่อในความถูกต้อง เชื่อในความแข็งแกร่งที่มีในตัวตน

ขอให้ข้อความเหล่านี้เป็นกำลังใจแก่ผองเพื่อนพี่น้อง ผู้ร่วมวิชาชีพทุกคน อย่าได้ท้อแท้ อย่าได้เสียใจหากเชื่อมั่นในความถูกต้องของตน...

เพื่อผู้ที่อยู่ข้างหลังในวันข้างหน้า จงอย่าเสียใจที่ได้เสียสละความสุขสบาย จงอย่าเสียดายที่ได้สละตนเพื่อสังคม.

26 สิงหาคม 2552

110 | มาดูความพยายาม

เมื่อศุกร์ที่แล้วไฟดับที่ ม. ครับ ดูเหมือนว่าต้องตัดไฟเพื่อจะตัดต้นไม้ที่โค่นในคืนก่อนหน้านั้นที่ฝนตกหนักๆ
ผมอยู่ที่ห้องโปรแกรมเมอร์ กำลังจะเอาไส้กรอกมาเวฟกิน (แบบว่าหิวโคตรๆ) พอเอาไส้กรอกใส่จานปุ๊ป ไฟก็ดับปั๊ป...

ด้วยความสงสารของเพื่อนๆ ที่เห็นคนหิวกำลังหมดหนทาง เพื่อนเฉลาก็เลยแนะว่า "เฮ้ยเอา UPS มาต่อไมโครเวฟสิ กว่าไฟจะหมดไส้กรอกคงสุกพอดีแหละ" เอ๊อๆๆๆๆ เข้าท่าจริงด้วย เอาเลย

แกะ UPS จากเครื่องฟ้าเล็กมาเสียบ หมุนเวฟไปที่ 2 นาที ...แวบๆ ไฟติดเว้ย เวฟได้ๆๆๆๆๆๆๆ 5555



ความพยามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จมันคงอยู่ที่นั่น

ผ่านไปยังไม่ครบนาที UPS มีกลิ่นเหม็นไหม้ แล้วก็ร้องดังถี่ขึ้น ถี่ขึ้น แล้วก็ดับ เวฟหยุด อ้าว...ยังไม่ถึง 2 นาทีเลยไฟหมดได้ไงวะ UPS เสื่อมแล้วมั้ง ของห่วยๆๆๆ ฯลฯ

โทษไปต่างๆ นานา แต่พอผมลองเอา UPS ไปต่อที่คอมฯ มันก็ยังเปิดติด นานพอที่จะ Copy งานลง Thrumb Drive ซะอีก...แล้วทำไมกะไมโครเวฟมันได้แป้ปเดียวเอง แถมไส้กรอกเอาออกมายังเย็นสนิทเหมือนเอาออกจากตู้เย็น เฮ่ยมันยังไงกันเนี่ย

สุดท้ายบ้านนอกอย่างพวกเราก็เดากันไปว่า ไมโครเวฟมันคงกินไฟเยอะน่าดูมั้ง UPS เลยรับไม่ไหว อืมๆ สรุปได้วิทยาศาสตร์มาก

(พี่เอฟบอกว่าเคยเอา UPS ต่อทีวีดูละครได้จนจบ แสดงว่าทีวีกินไฟน้อยกว่าไมโครเวฟแหงๆ)

-------------------------------------------------

Update 31 ส.ค.2552

ใครจะทำแบบนี้ก็ไม่เป็นไร แต่อย่าเอา UPS ไปไว้ใกล้ๆ แบบในรูปนะครับ
คุย m กับพี่เอิร์ทแล้วพบว่า มีโอกาสสูงสุดๆ ที่มันจะ ระเบิด ครับ

109 | Happy Birthday !!!?



ถ่ายไว้ใน D&D เมื่ออาทิตย์ที่แล้วน้องๆ มาจากพิดโลกพาไปเมา
ขอชื่นชมทั่นผู้นี้ว่า สุดตรีน จิงๆ

24 สิงหาคม 2552

108 | หนึ่งเดือนผ่านไปกับวิจัยชิ้นแรก

วันนี้ไปรับเอกสารวิจัยที่ส่งไปตรวจที่สถาบันวิจัยและพัฒนาของมหาลัยครับ

เป็นงานวิจัยชิ้นแรกที่ขอทุนไปแล้วได้รับอนุมัติจากทางมหาลัย (หลังจากที่ก่อนหน้านั้นส่งไปแล้วโดนตีตก)
ซึ่งจะว่าไปก็ไม่ใช่วิจัยแบบที่ส่วนใหญ่เขาทำๆ กันหรอกครับ ก็คือพัฒนาระบบขึ้นมาอันนึง แล้วก็นำไปใช้กับกลุ่มตัวอย่างก็คือนักศึกษาในคณะ มันก็เลยกลายเป็นวิจัยขึ้นมาได้ แต่อย่างว่าแหละครับ ทุนที่ได้รับก็โดนตัดทอนลงไปจนขนาดพอเหมาะกับเนื้องาน จนเรียกได้ว่าแทบไม่ได้อะไรจากงานชิ้นนี้เลย 5555

ผมส่งเล่มไปตรวจตั้งแต่เดือนที่แล้ว ซึ่งกรรมการมีิอยู่หลายคน ก็เลยใช้เวลาตรวจนานหน่อย ผ่านไปเกือบ 1 เดือนพอดีครับ ได้กลับคืนมาวันนี้ค่อยดีใจหน่อยนึกว่ากรรมการทำหายไปแล้ว ดีใจจนต้องมาเขียนเป็นที่ระลึกเนี่ยแหละครับ เหอๆๆๆๆ

20 สิงหาคม 2552

107 | Tropical Malady และอีกหลายปีให้หลัง...

เมื่อตอนผมอยู่ปี 4 มีหนังเรื่องนึงที่ได้รับการพูดถึงมาก ก็คือ "สัตว์ประหลาด (Tropical Malady)" หนังได้รางวัลอะไรนักหนาก็ไม่รู้ของผู้กำกับเจ้ย ผมเคยดูหนังของตาคนนี้มาเรื่องเดียวก่อนหน้านี้ก็คือ "สุดสเน่หา" และหลังจากสัตว์ประหลาด ผมได้ดูอีกสองเรื่อง ก็คือ "หัวใจทรนง (Iron Pussy)" แล้วก็ "แสงศตวรรษ" ซึ่งโดนแบน (แต่โหลดจากบิตมาดู) ซึ่งทั้งสี่เรื่องผมยอมรับว่า ... ดูรู้เรื่องแค่ Iron Pussy เรื่องเดียว นอกนั้นไม่เก็ทเลยครับ คำชมและบรรยายสรรพคุณต่างๆ จากทั้งหลังปก DVD และตามเว็บไซต์ ผมไม่เข้าใจเลยซักกะนิดเดียว กรำ...

แต่ละเรื่องที่ดูก็มีฉากติดตาอยู่บ้างครับ เช่น

สุดสเน่หา
- ฉากลุงกับป้าในป่า (ลุงเสร็จกิจแล้วเอากะหล่ำปลีมานอนแทะกินอย่างสบายใจ...มันอร่อยตรงไหนวะ)
- ฉากนางเอกนอนลืมตาหลับตาประมาณหลายสิบนาที (คนดูก็ลืมตาหลับตาไปหลายที)
- ฉากป้าเดินไปเจอหน้ากากอนามัยแล้วเก็บเอามาใส่ (งง ใส่ทำไม)

หัวใจทรนง
- ฉากร้องเพลงบรอดเวย์ในโบสถ์ที่มีคนหน้าคล้ายทักษิณ (เพลงน่ารักดี)
- ฉากพี่น้อยในคราบท่านชาย ทุกฉาก (ลีลาแกได้)

แสงศตวรรษ
- ผมเฉยๆ นะเรื่องนี้ มันคงเป็นหนังที่ดูเรียบร้อยกว่าเรื่องก่อนๆ หน้าละมั้ง เลยไม่ค่อยจำฉากเท่าไร

สัตว์ประหลาด
- ฉากนอนหนุนตักในศาลา (แอ๊บแบ๊วกันไปได้)
- ฉากหนีบขาในโรงหนัง (เสียวเว้ย)
- ฉากจ้องตาเสือในป่าช่วยท้ายๆ เรื่อง (มันเงียบแบบวังเวงมากๆ)

แต่ส่วนที่ประทับใจผมมากที่สุดในเรื่องสัตว์ประหลาด คือ ฉากเลียมือ ครับ ...พูดเล่นนะ 555

มันคือฉากหลังจากเลียมือครับ ที่ประทับใจเพราะว่ามันมีเพลงนึงที่ผมไม่รู้จักเป็น BGM แต่ว่าเพราะมากและก็เข้ากับหนังในช่วงนั้นสุดๆ

เพิ่งจะมาหาเจอว่ามันคือเพลง "คำในใจ" ของ Fashion Show จากอัลบั้ม Smallroom 002 ครับ



ลองฟังดูครับ เพราะๆ

หนังเก่าตั้งหลายปีแล้ว แต่เพิ่งมาหา Soundtrack เจอนี่มัน ดีใจสุดๆ เลย ฮิฮิฮิๆๆๆๆๆ

12 สิงหาคม 2552

106 | ลำนำสะดิ้งเลิฟยู

"แดนสวรรค์คอยอยู่"

อัลบั้มนี้ของพวกท่าน โคตรสุดยอดแห่งความโดน
จนไม่รู้จะพร่ำพรรณาเยี่ยงไร ถึงความดีงามในสิ่งที่พวกทั่นรังสรรค์ไว้

ข้าพเจ้ารอคอยอัลบั้มต่อมาของพวกทั่นอย่างร้อนรน

จนกระทั่ง....



"ลำนำสะดิ้งเลิฟยู"

.....

ไม่รู้ว่าประสาทรับรู้เสียงของตัวข้านั้นผิดปกติไปหรืออย่างไร
นอกจากเพลงโปรโมท ...ไอ้..กระเป๋าแบนนั่นแล้ว

เพลงที่เหลือทั้งอัลบั้ม ทำไมตูฟังไม่ขึ้นเลยวะ !!!???

หรือว่าถึงคราที่พวกท่านจักเป็น The Richman Toy ที่แท้สำหรับตูข้าเสียคราวนี้เอง

... อันตัวข้าฯ คงเป็นเยี่ยงวานรได้แก้ว ได้พบของสูงราคาแต่หารู้ค่าอันควรเมือง ....

25 กรกฎาคม 2552

105 | ปฏิเสธอย่างไร

ตอนนี้กำลังฟังเพลงนี้อยู่ครับ ฟังวนไปวนมาทั้งวันทั้งคืน ชอบอะ
พอไปดู MV ใน youtube ถึงกับต้องยิ้มทั้งน้ำตาด้วยความปลาบปลื้ม รู้สึกขึ้นมาจากข้างในเลยว่า

"MV น่ารักๆ แบบนี้ก็ทำได้วุ้ย ตรูไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้ดู MV แฮปปี้ๆ แบบนี้"

มี Give ก็ให้ Give หมดหน้าตักเลย (เฮ่ยไม่ใช่พันทิป 555)

ลองดูกันครับ


14 กรกฎาคม 2552

104 | ตัวตนบนโลกออนไลน์และปัญหา

วันนี้เปิด pantip เฉลิมไทยเข้ามาหากระทู้อ่านหลังจากไม่ได้เข้ามาหลายวัน ก็พบกับเรื่องแปลกๆ ที่น่าจะเอามาเล่าต่อซักหน่อย ลองอ่านดูนะครับ

เริ่มมาจากกระทู้แนะนำกระทู้นี้

วีรกรรมเด็กไทย! เอาภาพฝีมือชาวบ้านมาสอนลง CG อ้างว่าวาดเองกะมือ!
(ตั้งกระทู้เมื่อ 13 ก.ค. 52)

มีคนมาตั้งกระทู้บอกว่า เขาได้ไปพบกับ Blog ของน้องคนหนึ่งชื่อว่า dark ใน exteen.com ซึ่งเอาภาพ FanArt จากเรื่อง Black Butler (สนุกดีครับเรื่องนี้) ซึ่งเขาบอกว่าวาดเองมาลง แต่ผู้ตั้งกระทู้บอกว่ารูปนี้จริงๆ แล้วเหมือนจะ Copy มาจากงานของ tachiik จากเว็บ deviantart.com ซึ่งเป็นเว็บนอก เป็นที่น่าสงสัยว่าน้อง dark เนี่ยไปเอางานของคนอื่นมาอ้างว่าทำเองหรือเปล่า



หน้าเว็บของ dark (ซ้าย) และหน้าเว็บของ tachiik (ขวา)

ต่อมาก็มีการพูดถึงคำอ้างของ dark ต่อกรณี Copy รูปว่า ไม่ใช่ฝีมือของตน แต่เป็นฝีมือของพี่สาวที่เห็น Account ของตนที่จดไว้หน้าคอม แล้ว Login เข้ามาเขียน Entry นั้น ..ซึ่งไม่มีเหตุผลเอาซะเลยเพราะใจความไม่ได้อยู่ที่การเขียนหรือไม่เขียน แต่อยู่ที่ว่า dark บอกว่ารูปนั้นเธอวาดเอง จากคำอ้างนี้ทำให้ชาว pantip ยิ่งข้องใจกับพฤติกรรมของ dark เพราะเห็นๆ กันอยู่ว่า Copy มา และ tachiik คนวาดตัวจริงก็ได้มา Comment ใน Entry นั้นแล้วด้วย


hello, i am the artist who did this art and was told that my art was on this blog. i can't read this language but i hope you have given me credit for my work. PLEASE DO NOT EDIT MY IMAGES IN ANY WAY. (take off your name off of my art please) #13 By tachiik (63.162.52.130) on 2009-07-13 21:03


คนที่ติดตามเรื่องนี้อยู่พยายามบอกให้ dark ออกมา "ขอโทษ" ถึงสิ่งที่ตนได้ทำลงไป (เพราะอาจมีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ผลงาน) แต่ในขณะเดียวกัน ตัวตนของ dark ก็เริ่มถูกค้นหาไปถึงรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเธอมากขึ้น จากข้อมูลที่มีอยู่ที่พอจะหาได้จาก Blog ของเธอทำให้เราได้พบว่า

- เธอบอกว่าเธอเป็นเด็กนักเรียน
- เธอมีพี่ชาย 2 คน คือ บีม และ บอย ซึ่งคนหลังนี้มี Blog ใน exteen.com ด้วย
- เธอมีเพื่อนสนิทมากชื่อ ฟ้า และฟ้าก็มี Blog ใน exteen.com เช่นกัน
- เธอชอบเขียน fic และชอบวาด FanArt
- เธอน่าจะมีความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์และภาษาอังกฤษดีในระดับหนึ่ง

แต่เมื่อเราไปตามอ่าน Entry เก่าๆ ของเธอ ซึ่งเธอมักจะพูดถึงเรื่อง fic เรื่องของพี่ชายที่ชื่อบอยคนนั้น และตามไปอ่าน Blog ของบอย และฟ้า ทำให้เราพบข้อสังเกตที่น่าตกใจว่า ...

dark , บอย และฟ้า อาจจะเป็นคนเดียวกัน !!!

อย่างแรกที่สังเกตได้คือ Blog ทั้งสามนี้มีสำนวนการเขียนคล้ายๆ กัน จากเนื้อหาใน Blog ทำให้เรารู้เบื้องต้นว่า บอย เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย และน้องสาวที่ชื่อ dark กับบอย มีความสำคัญซึ่งกันและกันอยู่มาก แต่ละ Entry ของบอย พยายามที่จะแสดงความเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยออกมาให้เห็นอยู่ตลอดเวลา เช่น การเฉลยการบ้านคณิตศาสตร์ให้เพื่อนที่เรียนด้วยกัน หรือการอธิบายการทำขนมหวานที่เจ้าตัวบอกว่า สาวๆ ที่มหาวิทยาลัยขอให้ทำให้ทาน เป็นต้น

และใน Blog ของบอยนี้เอง ที่เราได้พบ "การ Copy" อีกครั้ง !!!





Entry สอนการบ้านเพื่อน ซึ่งไป Copy มาจาก dek-d.com (เปรียบเทียบวันที่ของ Copy และต้นฉบับ)



Entry สอนทำชีสเค้ก ซึ่งไป Copy มาจาก meedate.com

ส่วน Blog ของคนชื่อฟ้า ยังไม่เจอการ Copy แต่สังเกตจากสำนวนการเขียนก็จะคล้ายๆ กับ dark และบอย ทำให้เราเชื่อว่า ฟ้าก็คงจะเป็นคนเดียวกันกับ dark และบอย



หน้าเว็บของฟ้า ใน exteen.com

เรื่องราวแตกประเด็นออกไปตรงที่ว่า ทำไม dark ต้องทำเรื่องแบบนี้ขึ้นมา ? มีการวิเคราะห์กันไปต่างๆ นานา ทั้งที่ว่าอาจจะเป็นเพราะตัวเธอยังเป็นเด็ก ซึ่งไม่รู้ประสีประสาและทำไปเพราะความสนุกส่วนตัว บางกระแสก็ว่า เธออาจจะมีปัญหาทางจิต เช่น ขาดความอบอุ่นทางครอบครัว จนต้องสร้างพี่น้องปลอมๆ ขึ้นมาหลอกตัวเอง บางกระแสก็ว่าไปถึงว่า เธออาจจะไม่ใช่เด็ก และอาจจะไม่ใช่ผู้หญิง !? แต่อาจจะเป็นแค่คนจิตไม่ปกติที่ทำเพื่อสนองความต้องการบางอย่างของตนเอง

ณ เวลาที่เขียน Entry นี้ ประเด็นในกระทู้แนะนำที่ pantip ก็ยังไม่จบนะครับ ส่วนตัวผมก็มีส่วนที่วิเคราะห์เองไว้เหมือนกัน แต่รู้สึกว่า Entry นี้คงจะยาวเกินไปแล้ว ขอตัดไปเป็นครั้งหน้านะครับ.


-----------------------


Edit 12 ส.ค. 2552

ขี้เกียจเขียนบทสรุปละ หลังจากเจอข่าวนาธานเข้าไปติดๆ แถมเมื่อวันก่อนยังเจอข่าว ฮูฒันร่า อีก
ปล่อย Entry นี้ไว้ยังงี้ละกัน เจอกรณีแนวๆ นี้ก็จับผิดกันเอาเองละกันเด้อ !

08 กรกฎาคม 2552

103 | ก็ชัดดีนี่หว่า...

จากที่เคยดูแคลนกล้องมือถือรุ่นหลังๆ ของ Nokia ว่าไม่ชัดมั่ง สีเพี้ยนมั่ง ตอนนี้ต้องสะอึกนิดๆ หลังจากถ่ายภาพนี้ครับ ...



ชัดที่สุดเท่าที่เคยถ่ายมา

ตอนนี้พอเข้าใจอย่างนึงละว่า ถ้าอยากถ่ายให้ออกมาชัดๆ ต้องถ่ายตอนมีแสงเยอะหน่อยอย่างช่วงกลางวัน ถ้าแสงน้อยเมื่อไรเจอ noise เขียวๆ เต็มจอแน่นอน 5555+

04 กรกฎาคม 2552

102 | My 5800 XpressMusic

ด้วยความที่โทรศัพท์มือถือที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน (O2 Zinc) กำลังจะพังลงทีละนิด ผมเลยต้องรีบหาเครื่องใหม่มาทดแทน เพราะอยากจะให้เจ้า Zinc อยู่ทนไปจนชั่วลูกหลาน (เสียดายอะ) พอมองดูตัวเลือกต่างๆ ที่พอมีในตลาด ผมก็ตัดสินใจถอยเจ้านี่มาครับ ...



Nokia 5800 XpressMusic !!!! (ฺBlisstel : 12,800 ฿)

คุณสมบัติเด่นๆ ที่ประทับใจกับมันตอนนี้คือ :

- หน้าจอ Touch Screen เต็มรูปแบบ
- Symbian ที่คุ้นเคย (และห่างเหินไปนาน)
- เล่นไฟล์วิดีโอแบบ mp4 ชัดสุดยอด (Resolution 16:9 แบบ DVD ด้วย)
- เสียงลำโพงดังกระหึ่ม
- มี GPS และโปรแกรม Nokia Map
- มี Wireless และ Web Browser ที่ใช้ง่ายมากๆ
- แถม Memory Card ตั้ง 8 GB

โดยรวมๆ ก็คล้ายๆ กับ O2 Zinc ที่ใช้อยู่แหละครับ ยกเว้นข้อเดียวที่ Zinc เหนือกว่าราวฟ้ากับเหวก็คือ "กล้อง" ครับ Carl Zeiss 3.2M ของ 5800 เทียบกับกล้อง 2M ของ Zinc ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย อันนี้ก็เสียดายอยู่แต่ก็ต้องยอมทำใจละครับ

โดยปกติแล้วผมค่อนข้างซีเรียสเรื่องกล้องมือถือมาก เพราะผมชอบถ่ายรูปมาลง Blog, Facbook และเอาไว้ใช้เก็บภาพตอนไปงานต่างๆ แทนกล้องดิจิตอลซึ่งผมไม่ชอบพกเพราะว่ากล้องมือถือมันสะดวกกว่า ดังนั้นผมจึงต้องการกล้องมือถือที่ "ไม่ต้องละเอียดมากก็ได้" แต่ขอให้ "สีไม่เพี้ยน" และ "noise น้อยๆ" ซึ่งกล้องของ O2 Zinc ตอบโจทย์ได้หมดครับ ผมจึงอยากจะเก็บมันไว้ไม่อยากให้พังซะก่อน



ภาพที่ชัดที่สุดเท่าที่ถ่ายได้ สียังเพี้ยนอยู่

หลังจากทำใจเรื่องกล้องไปแล้ว ของสนุกชิ้นใหม่ที่ผมเพิ่งเคยสัมผัสเป็นครั้งแรกก็คือ "GPS" ครับ
ผมรู้จัก GPS ครั้งแรกเมื่อตอนฝึกงานปี 3 ที่บริษัท MappointAsia ซึ่งเน้นผลิตภัณฑ์ด้านแผนที่และอุปกรณ์ติดตามตัวด้วยสัญญาณดาวเทียมเป็นหลัก นั่นก็เลยทำให้รู้ว่า GPS มันคืออะไร, ทำงานอย่างไร และมีประโยชน์ยังไง (สมัยนั้น GPS ยังเป็นเรื่องที่ไกลตัวเราแบบสุดๆ เลยครับ) หลังจากนั้นมาก็ได้ยินว่ามีระบบนำทางด้วย GPS อย่างพวก Garmin วางขายกันเยอะแยะ มาจนถึงยุคมือถือแพงที่เอา GPS ใส่เป็นจุดขาย อย่างพวก HTC, Nokia รุ่นไฮโซ หรือ iPhone ผมก็ได้แต่มองนำลายยืดเพราะแพงเกินตัว แต่ตอนนี้ได้ครอบครองมือถือ GPS จริงๆ ซะทีแล้วครับ

แล้วก็ทำให้รู้สึกว่า มี GPS นี่มันก็ดีเหมือนกัน เดินทางสะดวกขึ้นเยอะ กลัวหลงน้อยลง 555+



โปรแกรม Nokia Map ที่ผมเพิ่งจะอัพเป็น 3.0 เมื่อกี้นี้เอง (ภาพตัวอย่างเป็นของ 2.0)

หลังจากหมดเงินไปหมื่นกว่าบาท ยังไงเครื่องนี้ก็ต้องใช้ให้คุ้มละครับ (iPhone หรือ Android เอาไว้ก่อนละกัน) ต่อจากนี้ไปก็ต้องทำงานเยอะๆ หาเงินมาอุดหมื่นกว่านี้ให้เร็วที่สุดละ เฮอๆๆๆ


ป.ล. กำลังลอง Ovi (http://www.ovi.com) อยู่ รู้สึกว่าใช้ยากพอสมควร และดูแล้วไม่น่าจะสู้ App Store ของ Apple ได้

26 มิถุนายน 2552

101 | ปลาย่างกับเตียงไม้

เห็นเขาเล่นกันมานานละ วันนี้มีโอกาสเลยลองมั่ง



ปลาย่าง

...
...
...
...
...
...


...
...
...




เบื่อกล้อง Nokia รุ่นหลังๆ ทำไมไม่ชัดเลย ยิ่งทำยิ่งแย่รึไงเนี่ย

100 | R.I.P. King of Pop



ไม่นึกเลยว่า Entry ที่ 100 ของ Blog นี้จะกลายเป็น Entry ไว้อาลัยชายผู้ยิ่งใหญ่คนนี้...


"ไมเคิล แจ็คสัน" นักร้องชื่อดังเจ้าของฉายา "ราชาเพลงป็อป" ได้เสียชีวิตแล้ว หลังจากถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาล เมื่อได้รับรายงานว่าเขาหัวใจวายที่บ้านพักของตัวเองเมื่อบ่ายวันนี้

ไมเคิล แจ็คสัน นักร้องชื่อดังของวงการดนตรีโลกได้เสียชีวิตลงแล้วในวัย 50 ปี ที่ลอส แองเจลิส เมื่อเวลาบ่ายของวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา จากการเปิดเผยของ TMZ และ หนังสือพิมพ์ latimes.com

ไมเคิลเกิดอาการหัวใจวายเมื่อช่วงบ่ายที่บ้านพักของเขาที่ Holmby Hills ซึ่งทีมพยาบาลไม่สามารถช่วยชีวิตของเขาเอาไว้ได้ ซึ่งตอนที่ทีมแพทย์ไปถึงที่เกิดเหตุ ไมเคิลก็สิ้นลมหายใจไปเสียแล้ว แต่ทีมแพทย์ก็ไม่สามารถนำลมหายใจของเขากลับคืนมาได้

แหล่งข่าวเผยว่าไมเคิลเสียชีวิตตั้งแต่ถูกส่งตัวมาถึงที่โรงพยาบาล UCLA ทางทีมแพทย์โรคหัวใจที่โรงพยาบาลเผยสาเหตุการเสียชีวิตมาจากหัวใจวาย

แม้ทีมแพทย์ที่โรงพยาบาลจะพยายามยื้อชีวิตของไมเคิลกับมาเป็นครั้งที่สอง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จอีกเช่นกัน

ลาโทยา พี่สาวของไมเคิลถูกพบวิ่งร้องไห้เข้าไปในโรงพยาบาล เมื่อเธอรู้ว่าน้องชายคนดังของเธอเสียชีวิตแล้ว

ไมเคิลมีทายาททิ้งไว้ดูต่างหน้า 3 คน คือ ไมเคิล โจเซฟ แจ็คสัน, ปาริส ไมเคิล แคเธอรีน แจ็คสัน และ พรินซ์ ไมเคิล แจ็คสัน ที่สอง

ทางด้าน ไมเคิล เลวิน อดีตประชาสัมพันธ์ของไมเคิลออกแถลงการณ์ล่าสุดมาว่าเขาไม่รู้สึกแปลกใจเลย ซักนิดว่าข่าวเศร้าของวงการเพลงครั้งนี้จะมาถึงเร็วกว่าที่หลายๆ คนคาด

"ในฐานะคนที่ทำหน้าที่เป็นประชาสัมพันธ์ให้กับไมเคิล แจ็คสันมาตั้งแต่คดีละเมิดทางเพศเยาวชนครั้งที่หนึ่ง ผมขอเปิดใจว่าผมไม่ประหลาดใจต่อโศกนาฎกรรมในวันนี้เลย"

"ไมเคิลต้องเผชิญกับปัญหายากลำบากที่เกินกว่าใครจะเชื่อ และพาตัวเองเข้าสู่เส้นทางทำลายตัวเองมาเป็นปีๆ ความสามารถของเขาไร้ข้อกังขา แต่มันก็แลกมาด้วยความแปลกแยกของเขาจากวิถีของชาวโลกทั่วไป"

"คนธรรมดาไม่สามารถทนรับต่อระดับความตึงเครียดที่ยาวนานเช่นนี้"

(ข่าวจาก http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9520000072204)

...
Favourite Idol ของผมตั้งแต่เป็นเด็กน้อยจนถึงปัจจุบัน
และยังเป็น Favourite Idol ของผู้คนร่วมสมัยอีกมากมายมหาศาล การมีตัวตนของ Michael Jackson สามารถสร้างกระแสนิยมที่เปลี่ยนโลกได้จริงๆ อย่างที่ปัจจุบันได้รับมาจากอดีตในสมัยนั้น

Favourite Track ของผม : "Man in the Mirror", "Smooth Criminal" แต่ที่ชอบที่สุดได้แก่ "You are not Alone" ครับ

Rest In Peace.

24 มิถุนายน 2552

099 | Microsoft Windows 7

ขณะที่กำลังเขียน Entry เลขสวยอยู่นี้เป็นเวลา 3 ทุ่ม
ผมกำลังทำงานอยู่ที่ ARITC โดยเครื่องที่ใช้ทำงานอยู่เป็นระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows 7 RC ที่ไมโครซอฟต์เปิดให้ Download ใช้ฟรี 1 ปี ..และผมเพิ่งจะทำชิ้นงานออกแบบแผ่นพับกิจกรรมในสัปดาห์วิทยาศาสตร์ 2552 ด้วยโปรแกรม Macromedia Firework 8 เสร็จ โดยการทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น และ OS ไม่แสดงอาการผิดปกติให้เห็นเลย แม้แต่ครั้งเดียว !!!

สิ่งที่ทำให้ประทับใจกับ 7 อันดับแรกเลยก็คือ ความเร็ว ครับ เปรียบเทียบแล้วความลื่นไหลเทียบได้กับ Windows XP แต่ความสวยงามของลูกเล่น (Aero) ทำให้ผมไม่อยากจะเชื่อว่าไมโครซอฟต์จะทำได้ ซึ่งยิ่งใช้ไปเรื่อยๆ ก็พบว่ามัน ยังไม่ก่อให้เกิดปัญหาใดๆ อย่างที่เคยเกิดกับ Windows Vista ที่ใช้ GUI ลักษณะเดียวกัน

Accesssories ที่ให้มากับ OS ทั้งหมดก็ล้วนแต่นำมาใช้งานเบื้องต้นได้เป็นอย่างดี เช่น

- Paint ที่ผมรู้สึกว่ามันคือ Photoshop แบบ Lite Version
- Snipping Tool ที่ทำให้ลืม SnagIt ไปเลย
- Windows Powershell ISE ดูราวกับเป็น Text Editor ที่ครอบคลุมประโยชน์ใช้งาน
- Calculator ซับซ้อนขึ้น ลูกเล่นละเอียดขึ้น

การติดตั้งโปรแกรมใหม่ ก็ยังไม่พบปัญหาแต่อย่างใด (ในกรณีที่สามารถใช้กับ Windows XP ได้ ส่วนใหญ่ก็จะใช้กับ 7 ได้เช่นกัน แต่อาจไม่รองรับ Aero ซึ่ง 7 ก็จะปรับไปมาให้เอง)

ส่วนที่ประทับใจเองนอกเหนือจากนี้ก็คือ การเปลี่ยนภาษา ซึ่งเท่าที่เห็นยังไม่มีปุ่ม ` มาให้ และ Default กำหนดให้ใช้ Alt+Shift ซึ่งผม ชอบที่สุดเลย !!!

โดยรวมๆ แล้วผมประทับใจ 7 อย่างมากมาย และรู้สึกว่านอกจาก Windows XP แล้ว นี่เป็น OS ของไมโครซอฟต์ที่น่าใช้ที่สุด และผมรู้สึกดีกับมันทุกส่วน ...ยกเว้น Windows Internet Exploer 8 ซึ่งจนทุกวันนี้ผมก็ยังไม่สามารถ "ยอมรับ" มันได้เสียที (อคติส่วนตัวน่ะครับ)

Entry เลขสวยที่ 99 ของ Blog นี้ ผมขออุทิศให้กับ "Microsoft Windows 7" ด้วยความยกย่องอย่างเต็มใจครับ.

098 | New Branch at ARITC

เทอมนี้ได้รับคำสั่งใหม่ ให้ไปประจำการที่อาคาร 15 ครับ
เรื่องก็คือทางสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ (ARITC) หน่วยงานเก่าที่ผมเคยอยู่สมัยเป็นโปรแกรมเมอร์ จะปรับโครงสร้างการบริหารใหม่ แล้วไปๆ มาๆ ชื่อผมไปโผล่อยู่ในโครงสร้างใหม่ของเขาด้วย ในตำแหน่ง หัวหน้ากลุ่มงานพัฒนาระบบ (ถ้าจำชื่อไม่ผิดนะ) ก็คือไปอยู่ห้องโปรแกรมเมอร์เดิมที่เคยอยู่นั่นแหละครับ

เมื่อวันก่อนเลยไปดูที่ห้อง (คือตอนที่ผมทำงานอยู่ ห้องทำงานยังอยู่ที่เก่าคือ อาคาร 4 ชั้น 2 แต่ตอนนี้เขาย้ายไปอาคาร 15 ที่สร้างใหม่แล้ว) ก็พบว่าเขาเตรียมโต๊ะพร้อมเครื่องไว้ให้แล้ว ...แต่ยังไม่มีงานให้ทำครับ ก็เลยไปลง Windows รอไว้ก่อน



โต๊ะทำงานครับ (เปิด Restaurant City เล่นอยู่ด้วย)

ล่าสุดลง Windows 7 RC ที่ Microsoft เปิดให้ใช้ฟรี 1 ปีครับ ไม่รู้จะทำงานได้เปล่า

097 | facebook on PSP



เสียดายเครื่องนี้มันยังไม่ได้ลง Font Thai