หน้าเว็บ

24 เมษายน 2552

081 | ตะลุยเชียงใหม่ [3] พิธีพระราชทานปริญญาบัตร

ตอนที่ 1 และ ตอนที่ 2 ครับ
(จริงๆ แล้วจะเขียนตอนเดียวเลยก็คงได้แหละครับ แต่กลัวจะยาวจนไม่อยากจะอ่านกัน)

วันรุ่งขึ้นก็ต้องตื่นกันตั้งแต่เช้ามืดครับ นัดรวมพลกัน 6 โมงเช้า แต่กว่าจะได้ออกจริงๆ 7 โมงซะงั้น

อย่างที่ทุกคนได้ทราบกันแล้วว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏกลุ่มภาคเหนือทั้ง 8 แห่งนั้น ได้เปลี่ยนสถานที่รับพระราชทานปริญญาบัตรมาแล้วหลายครั้ง โดยในอดีตจะไปรับกันที่ สวนอัมพร (ผมยังทันตอนเรียนปี 2 ไปเป็นนักศึกษาช่วยงานเก็บรวบรวมชุดครุย) ต่อมาเปลี่ยนมาเป็น หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (ผมทันตอนที่ผมรับปริญญาพอดี) และล่าสุดเมื่อปีที่แล้วได้เปลี่ยนสถานที่เป็น หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ วิทยาเขตสะลวง-ขี้เหล็ก ซึ่งอยู่ใน อ.แม่ริม ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปหลายสิบกิโลเมตร ทำให้การเดินทางต้องออกแต่เช้าตรู่หน่อยครับ มิฉะนั้นอาจไปไม่ทันเพราะรถติดได้



หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติครับ ต้นไม้ยังน้อยเหมือนเดิม



ผมสั้นจู๋ + ชุดขอเฝ้า + ชุดครุย ดูแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้

ชุดครุยผมเป็นของหายากนะครับ เพราะว่าเป็นครุยของบัณฑิตยุควิทยาลัยครูโน้น เนื่องจากผมยังไม่จบ ป.โทจึงไม่สามารถใส่ครุยวิทยฐานะของ วท.ม.มหาวิทยาลัยนเรศวรได้ แต่จะใส่ครุยของมหาวิทยาลัยราชภัฏ (ครุยผ่าอกสีดำ) ก็อาจจะแยกไม่ออกระหว่างบัณฑิตกับอาจารย์ มันก็เลยต้องออกมาแบบนี้แหละครับ

ส่วนป้ายติดอกที่เห็นในรูปเป็นป้ายบอกตำแหน่งที่ปฏิบัติหน้าที่ครับว่าอยูตรงไหนของหอประชุม ซึ่งจะมีทั้ง อยู่หลังเวที, อยู่บนเวที, อยู่ข้างล่างเวที และอยู่นอกหอประชุมครับ ในบัตรจะต้องระบุชื่อ-นามสกุล และรูปถ่ายด้วยครับเพื่อความถูกต้องในการยืนยันตัวตน ส่วนที่เห็นเป็นสีชมพูๆ ตรงกลางบัตรนั่นคือสติกเกอร์ที่จะบอกวันที่และเวลาในการเข้าปฏิบัติหน้าที่ครับ ก่อนจะเข้าหอประชุมได้ต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสอบความปลอดภัยเยอะแยะเลยทีเดียว



บรรยากาศภายในหอประชุม ถ่ายจากบนเวที

หน้าที่ตามคำสั่งไปราชการที่ผมได้รับมอบหมายคือ เป็น ผู้ปล่อยแถวบัณฑิต ครับ ซึ่งจะต้องไปนั่งเก้าอี้หัวแถวตามลำดับที่กำหนด และรอปล่อยแถวให้บัณฑิตเดินออกไปรับพระราชทานปริญญาบัตร หลังจากนั้นก็นั่งเฉยๆ รอจนเสร็จพิธีการครับ ..ดูเหมือนจะไม่มีอะไรยากเลยใช่มั้ยครับ แต่ความเป็นจริงมันอยู่ที่ว่า พอเข้าไปในหอประชุมแล้ว การสลับตำแหน่งเกิดขึ้นได้ครับ



มุมมองจากตำแหน่งที่ผมควรจะอยู่ ตรงนี้ ...



... กลายเป็น ตรงนี้ !!

ใช่แล้วครับ ผมโดนโยกไปปฏิบัติหน้าที่บนเวที ในตำแหน่งที่ต้องจัดบัณฑิตเข้าสู่จุดเริ่มของการนับก้าว (จะอยู่ใกล้ๆ กับผู้ขานนามและช่างภาพที่ถ่ายรูปบัณฑิต) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ใกล้เคียงกับตำแหน่งเดิมที่ผมยืนปฏิบัติหน้าที่เมื่อปีที่แล้ว ต่างกันเพียงขยับใกล้ที่ประทับเข้าไปอีกนิด (ปีที่แล้วอยู่ตรงบันได)

การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปอย่างยากลำบากครับ นอกจากจะต้องจับบัณฑิตเข้าจุดแล้ว ผมยังต้องคอยเร่งบัณฑิตที่เดินพ้นบันไดขึ้นมาให้รีบเข้าสู่จุดโดยเร็วอีกด้วย เพราะฉะนั้นในบางช่วงที่ผู้ประสานงานฯ แจ้งมาว่าให้เร่ง ผมก็ต้องเร่งบัณฑิตให้เร็วตามไปด้วย ตรงนี้เข้าใจว่ามีบัณฑิตหลายคนแน่นอนที่ไม่พอใจตอนที่ผมไปเร่งๆ เขา ซึ่งต้องยอมรับนะครับว่าการควบคุมขั้นตอน จังหวะทุกอย่างต้องผิดพลาดให้น้อยที่สุด และต้องอยู่ในการควบคุมของฝ่ายประสานงานฯ และฝ่ายอื่นๆ ที่ได้เตรียมการไว้แล้ว ดังนั้นบัณฑิตไม่จำเป็นต้องคิด หรือกระทำการใดๆ ทั้งสิ้นครับ นอกจากทำตามที่บอกให้ได้ บอกให้เร็วก็ต้องเร็ว บอกให้ทำอะไรก็ทำให้ได้ แล้วทุกอย่างจะออกมาดี เพื่อตัวบัณฑิตเองครับ



บัณฑิตชุดแรกที่ขึ้นรับพระราชทานปริญญาบัตร เป็นบัณฑิตครุศาสตร์ครับ

ผมถ่ายภาพได้เพียงเล็กน้อยครับเพราะเวลากระชั้นชิดมาก พอเริ่มพิธีผมก็ต้องปิดโทรศัพท์ให้เรียบร้อย แล้วก็ยุ่งๆ กับงาน จนเสร็จพิธีก็ลงมาทานข้าวกลางวันที่หอประชุมชั้นล่าง แล้วก็เดินกลับรถบัส เดินทางกลับทันทีครับ

บัณฑิตมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ในรอบเช้า เวลาตามกำหนดการ 10.30 น. ใช้เวลาซ้อมไปทั้งหมดจนเริ่มพิธีจริงประมาณเวลา 12.00 น. และเสร็จสิ้นพิธีประมาณเวลา 14.30 น. พอประมาณ 15.30 น. ผมก็ออกจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่แล้วครับ

ที่เหลือก็คงจะเป็นเก็บตกเล็กน้อยตามรายทางนะครับ



รถขนของ (?) ยังอยู่ในเขต จ.เชียงใหม่



หลักกิโลเมตรบะเริ่ม อยู่ในเขตตัวเมือง จ.ลำปางครับ



ร้านข้าวที่ไปแวะทานข้าวเย็น อ.เถิน จ.ลำปางครับ (อ่านชื่อร้านดีๆ !!??)

รับหน้าที่เป็นดีเจเปิดคาราโอเกะกล่อมคนบนรถหลับสบายมาจนถึง จ.นครสวรรค์ ราวๆ เที่ยงคืนครึ่ง เพลียแทบบ้าครับ (ผมตื่นตอนตี 5 และไม่ได้หลับเลยตลอดทาง) หลังจากกลับที่พักเรียบร้อย ผมก็จำศีลไป 1 วันเต็มๆ

ครับ.. งานนี้ เหนื่อย แต่ คุ้ม จริงๆ

วันที่ 27-28 นี้ ต้องไปดูงาน จ.ชลบุรีอีกครับ เดือนนี้เดินทางทั้งเดือนเลย เฮอๆๆๆ
จบแล้วครับ.



เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
- ตอนแรกนัดกับไอ้น้องแบงค์ไว้ว่าจะไป Warm Up กัน แต่แบงค์พักอยู่ไกลออกไปทางแม่เหียะ เลยอด
- ร้านเหล้าที่เชียงใหม่ทยอยเจ๊งกันไปแทบทุกวัน สาเหตุเพราะเศรษฐกิจซบเซาอย่างหนัก
- สงกรานต์ปีนี้เป็นปีที่ชาวเชียงใหม่เล่นน้ำกันเอง คนส่วนใหญ่ไม่ขึ้นมาเที่ยวเพราะกลัวเสื้อสี
- Revoltech EVA ตัวเล็ก 2 แบบขายอยู่ที่กาดสวนแก้ว 250 บาทน่าซื้อมากๆ แต่ขยับได้น้อยกว่าตัวใหญ่เลยไม่ซื้อดีกว่า
- เพลง "รักล้นใจ" กำลังดังมั้ง เดินผ่านร้านไหนๆ ก็เล่นกันแต่เพลงนี้
- ถามน้องเด็กเสิร์ฟร้านที่ไปดื่มกับ อ.สมพรได้ความว่า ร้าน Monkey ที่ผมเคยไปตอนมารับปริญญา ปัจจุบันไม่มีเด็ก ม.ปลายให้เห็นอีกแล้ว ..มีแต่เสี่ยแก่ๆ
- และก็ได้ความอีกว่า วง MiLD ที่ผมปลาบปลื้มอย่างยิ่ง ไม่ได้เล่นที่ Warm Up อีกแล้วหลังจากออกอัลบั้มและโด่งดังไปเป็นที่เรียบร้อย
- และด้วยบรรยากาศความเป็นเชียงใหม่ ตอนเดินเล่นใน มช.ไปจนถึงตะลุยราตรีรอบคูเมือง ผมเลยเผลอฮัมเพลง "ล่องแม่ปิง" สลับกับ "Unloveable" ไปทั้งคืน ฮิฮิฮิ

ไม่มีความคิดเห็น: