หน้าเว็บ

29 ตุลาคม 2551

028 | เลขสวยใน Hi5



งวดนี้อาจจะออก 369
หรือไม่ก็ 21-12
95 (9 Fives) ก็ดีนะ

27 ตุลาคม 2551

027 | Draft 'til Done : หนังสือ 4000103

แอบภูมิใจเล็กๆ เพราะว่าผมเป็นคนออกแบบปกเองครับ (แต่รูป Search มาจาก Google เหอๆ เลวแท้)
ถ้ารอบนี้ขายดีฉบับพิมพ์ครั้งที่ 3 อาจจะได้ทำปกอีก แล้วจะพยายามทำให้สวยกว่านี้นะครับ
(ปกนี้ใช้เวลาทำรวมทั้งสิ้นประมาณ 1 ชั่วโมง)

Draft..



'til Done



ส่วนใหญ่ที่เคยทำๆ มาจะเป็น Banner ขึ้นเว็บ, การ์ดเชิญงานนู่นนี่ หรือไม่ก็ทำลงไวนีลเป็นป้ายงานทั่วๆ ไป
ที่ภูมิใจที่สุดก่อนหน้านี้ก็คือโปสเตอร์โฆษณางานแข่งขัน Microsoft Office ของสำนักคอมฯ (ทำตอนเป็นโปรแกรมเมอร์) ได้แปะตามบอร์ดทั่วมหาลัย
แต่ครั้งนี้ภูมิใจกว่าเยอะครับ เป็นหนังสือเลย โอ้ววว

026 | นครสวรรค์ยามเช้า

วันนี้ตื่นเช้าครับ...จริงๆ คือยังไม่ได้นอนแหละ เพราะว่าเมื่อวานนอนมาทั้งวันแล้วเลยนอนไม่หลับ
ตอน เช้ามืดก็เลยขี่มอเตอร์ไซค์ออกมาหาข้าวกิน
เห็นถนนโล่งๆ (เพราะยังเช้า) อากาศสดชื่น (เพราะฝนตกมาทั้งคืน)
เลยเอาโทรศัพท์มาถ่ายรูปเก็บไว้ซะหน่อย





















ทั้งหมดถ่ายด้วยกล้องมือถือ Nokia 5310 Xpressmusic ครับ

24 ตุลาคม 2551

025 | สอน กศ.พน.วัดพระปรางค์เหลือง [2]

คราวนี้มาดูรูปกันบ้างนะครับ



พระปรางค์เหลืองหน้าวัด ถาม นศ.ว่านี่มันสีขาวทำไมชื่อพระปรางค์เหลือง เขาบอกว่าสีขาวเพิ่งทา เมื่อก่อนเป็นสีเหลือง



นี่คือพระปรางค์เหลืององค์เดิมที่คาดว่าพังทลายไปแล้ว อยู่ข้างๆ กับพระปรางค์เหลืององค์ปัจจุบัน จากภาพที่เห็นดูเหมือนเป็นเนินดิน ตามตำนานบอกว่าเนินนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่โบราณ ห้ามคนแตะต้องเด็ดขาดมิฉะนั้นจะมีอันเป็นไป



ยืนถ่ายจากพระปรางค์เหลือง มองไปทางเินินดิน



รายละเอียดที่องค์พระปรางค์ มีรูปปั้นพวกยักษ์และอื่นๆ อยู่รอบฐาน ปั้นได้งามสุดยอด





ท่าน้ำหน้าวัด แพที่เห็นในภาพคือแพที่ ร.5 เคยเสด็จเมื่อครั้งเสด็จประพาสต้น ปัจจุบันแพก็ยังถูกใช้งานอยู่ (เป็นร้อยปีแล้วนะนั่น) แต่ถามจาก นศ.เห็นว่าทางวัดจะทำแพใหม่มาแทนที่เพื่อนำแพเก่าไปบูรณะ



รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จมาที่วัดพระปรางค์เหลืองเมื่อคราวเสด็จประพาสต้น รวมทั้งหมด 3 ครั้ง และได้พระราชทานเก๋งเรือไม้สักไว้ให้ที่วัด นี่คือสภาพเก๋งเรือที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน คือตัวเรือผุพังไปหมดแล้ว แต่ตัวเก๋งยังดูเหมือนใหม่มากทั้งๆ ที่ผ่านมาเป็นร้อยปีแล้ว



ในวัดจะมีกุฏิหลังหนึ่งที่มีรูปปั้นเป็นเสือ สิงห์ แล้วก็ตัวอะไรไม่รู้อีกตัวหนึ่งอยู่บนหลังคา นศ.บอกว่าเป็นของหลวงพ่อเงิน (เจ้าคณะอำเภอพยุหะคีรี เคยถวายรดน้ำมนต์ให้ ร.5) อันนี้แปลกมากครับเพราะไม่เคยเห็นมาก่อน แปลกจริงๆ นะเอ้า





ข้อมูลวัดพระปรางค์เหลือง
(จากเว็บไซต์ สยามเดย์ทริป)

จากการสืบค้นหอจดหมายแห่งชาติพระราชนิพนธ์ใน ร.5 และพระราชนิพนธ์ของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ บันทึกไว้ว่า ร. 5 ทรงเสด็จประพาสที่วัดพระปรางค์เหลืองรวม 3 ครั้ง

ในการเสด็จครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ( พ.ศ. 2449 ) ร.ศ. 125 นับเป็นครั้งที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ นอกจากมีหลักฐานจากบทพระราชนิพนธ์ของ ร. 5 ทรงบันทึกการเดินทางเป็นรายวันถึงสถานที่ที่เสด็จประพาสต้นโดยละเอียด พร้อมทั้งทรงถ่ายภาพและในครั้งนี้ " หลวงพ่อเงิน " ได้ถวายการรดน้ำมนต์แด่ ร.5 ได้สมณศักดิ์เป็น " พระครูพยุหานุสาสก์ " ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอพยุหะคีรีมีชื่อทางด้านรดน้ำมนต์ " จินดามณี "

" วัดพระปรางค์เหลือง " เป็นวัดโบราณที่เก่าแก่มากวัดหนึ่ง เจ้าหน้าที่ของกรมศิลปกรได้คำนวณอายุของวัดว่าเป็นวัดที่ถูกสร้างขึ้นประมาณปีพุทธศักราช 2305 ซึ่งเป็นสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ในอดีตที่ผ่านมาวัดมีชื่อเสียงในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ทางด้านยาสมุนไพรรดน้ำมนต์และคาถาตามหลักของแผนโบราณ รวมทั้งการรักษาโรคเคล็ด ขัด ยอก และ อัมพาต โดยวิธี " เหยียบฉ่า " อย่างได้ผล

ซึ่งภายในวัด มีจุดสำคัญต่างๆ ในการตามรอยเสด็จประพาสต้น เช่น องค์พระปรางค์เหลือง วิหารหลวงพ่อโต แพที่จอดเรือสมัย ร.5 การสาธิตเหยียบฉ่า กุฏิหลวงพ่อเงิน เก๋งเรือพระราชทาน นมัสการรูปหล่อหลวงพ่อเงิน

...ว่างๆ ก็ไปเที่ยวกันนะครับ

17 ตุลาคม 2551

024 | สอน กศ.พน.วัดพระปรางค์เหลือง [1]

เทอมนี้ได้สอน กศ.พน. ศูนย์ท่าตะโกครับ
ตารางสอนที่ได้รับมาแจ้งว่าให้ไปสอนครั้งแรกในวันที่ 15 (วันพุธ) สถานที่คือ
โรงเรียนวัดมะปรางเหลือง
ความงุนงงเกิดขึ้นทันทีครับ เพราะไม่รู้จักชื่อวัดนี้เลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอยู่ตรงไหน ถามอาจารย์ประจำศูนย์แล้วก็ดูท่านยุ่งๆ จนลืมตอบคำถามเรา ก็เลยคิดว่า ไม่เป็นไรมั้ง หาเองก็ได้

เริ่มต้นจากเบาะแสที่มีอยู่ในมือ นั่นคือ ตารางสอน
ในตารางสอนระบุว่า รายวิชาอื่นนอกเหนือจากวิชาคอมพิวเตอร์แล้ว สอนที่ โรงเรียนวัดเขาไม้เดน
(ปกติจะใช้สถานที่สอนแค่ที่เดียว แต่เนื่องด้วยข้อจำกัดบางอย่างเช่น ไม่มีห้องคอมพิวเตอร์ หรือจำนวนเครื่องไม่เพียงพอกับผู้เรียน ทางศูนย์จึงจำเป็นต้องจัดหาโรงเรียนหรือสถานที่ราชการที่เหมาะสมให้ใช้แทน ซึ่งระยะทางก็จะไม่ไกลกันเท่าไรนัก)
พอไป Search หาชื่อวัด ปรากฏว่าอยู่แถวๆ อ.พยุหะคีรี
แต่พอไปดูที่หัวกระดาษตารางสอน ระบุชื่อศูนย์ว่า ศูนย์ให้การศึกษาอำเภอท่าตะโก !!
เอ๊ะ ยังไง ตกลงอยู่อำเภอไหนแน่

เบาะแสแรกไม่ชัดเจน ก็เลยต้องลองหาจากเบาะแสที่สอง ก็๋คือ ชื่อวัด
ผมลองเอาชื่อวัดมะปรางเหลืองไป Search ปรากฏว่า ไม่เจอ !!!
(Search ที่ว่านี่คือ ใช้ www.google.co.th และ Google Earth)
ความยากลำบากค่อยๆ เพิ่มขึ้นทีละนิด ผมลองมาสรุปคร่าวๆ ว่าตอนนี้รู้อะไรบ้างแล้ว

1. วัดนี้ชื่อ วัดมะปรางเหลือง
2. วัดนี้ควรจะอยู่ใกล้วัดเขาไม้เดน ซึ่งอยู่ใน อ.พยุหะคีรี
3. วัดนี้ใช้เป็นที่สอนวิชาคอมฯ ของนักศึกษา ศูนย์ท่าตะโก

หลายๆ อย่างมันขัดแย้งกันอยู่ โดยเฉพาะข้อมูลอำเภอว่าตกลงอยู่พยุหะคีรี หรือท่าตะโกกันแน่
ผมก็เลยลอง Search โดยใช้ Keyword ร่วมกันหลายๆ อันดู เช่น

- วัดมะปรางเหลือง ท่าตะโก
- วัดมะปรางเหลือง ท่าน้ำอ้อย (ตำบลท่าน้ำอ้อยอยู่ใน อ.พยุหะคีรี)
- วัดมะปรางเหลือง วัดเขาไม้เดน

เป็นต้น

ปรากฏว่าไปเจอวัดอยู่วัดหนึ่ง อยู่ใกล้วัดเขาไม้เดน ชื่อว่า วัดพระปรางค์เหลือง !!!
เหอๆ จากมะปราง กลายเป็นพระปรางค์ไปแล้ว แล้วตกลงเป็นวัดเดียวกันหรือเปล่าก็ไม่รู้
แต่ข้อมูลของวัดพระปรางค์เหลืองมีเยอะ เพราะวัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ มีประวัติความเป็นมา แล้วยังเกี่ยวข้องกับเมื่อครั้งที่ ร.5 เสด็จประพาสต้นด้วย (รายละเอียดในส่วนนี้ขอยกไปเล่าในตอนที่ 2)

ผมก็เลยเดาๆ เอาว่า วัดนี้คงจะชื่อวัดพระปรางค์เหลืองนั่นแหละ แต่ว่าอาจจะเรียกเพี้ยนไปเป็นวัดมะปรางเหลือง อืม..เพี้ยนไปไม่น้อยเลยนะเนี่ย จากสถานที่เป็นผลไม้ 555

หลังจากนั้นผมก็ลองโทรถามญาติและเพื่อนที่บ้านอยู่พยุหะฯ เพื่อจะถามเส้นทางการเดินทาง
ปรากฏว่า...
ทั้งญาติผม และเพื่อน (ไอ้จา) ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า มันมีแต่วัดมะปรางเหลือง !!!!

เฮ้ยยยยยย

ตกลงมันเป็นคนละวัดกันหรอวะเนี่ย โอ้วว งง แสด
แล้วตอนถามทางก็ตอบมาแบบงงๆ ทั้งคู่เลย กลายเป็นว่า ไอ้ที่กำลังใจชื้นกลายเป็นลนลานอีกแล้ว
สุดท้ายผมเลยตัดสินใจว่า เอาวะ ไำปหาเอาทีละวัดก็ได้
ก็เลยตั้งใจจะเริ่มหาจากวัดพระปรางค์เหลืองก่อน ถ้าไม่ใช่วัดนี้ค่อยถามคนแถวนั้นว่ามีวัดมะปรางเหลืองมั้ย
ถ้าไม่มีอีก ก็กลับบ้าน (เออ)
ผมก็เลยหาเส้นทางการเดินทางไปวัดพระปรางค์เหลืองก่อน โดยอาศัย Google เหมือนเดิม
ข้อมูลของวัดมีเยอะ แต่ข้อมูลการเดินทางไม่มี...อ้าวแล้วจะไปยังไง

ผมนึกถึง เว็บไซต์ฐานข้อมูลวัฒนธรรม จ.นครสวรรค์ ของสำนักศิลปวัฒนธรรม ที่เมื่อก่อนเคยไปช่วยทำอยู่
คิดว่าน่าจะมีข้อมูลอะไรบ้าง พอเข้่าไปหาดูก็ โอ้วว มีจริงๆ ด้วย



สถานที่ท่องเที่ยว อ.พยุหะคีรี : วัดพระปรางค์เหลือง
http://www.nsru.ac.th/culture/cdb/003_05_11.php

ปรินท์ใส่กระดาษแล้วเอาติดรถไปวันรุ่งขึ้น (15) แล้วก็วนรถหาตามคำแนะนำเส้นทางไปเรื่อยจนเจอ
สรุปว่าเ้ป็นวัดเดียวกันนั่นแหละ...5555
ถามนักศึกษาว่าตกลงวัดนี้ชื่อวัดอะไร เขาบอกว่า ชื่อจริงๆ ก็คือวัดพระปรางค์เหลืองนั่นแหละ แต่มะปรางเหลืองนั่นเขาเรียกกันไปเอง ก็คือหน้าวัดมีพระปรางค์องค์ใหญ่ๆ อยู่องค์หนึ่ง สีขาว แต่เมื่อก่อนเป็นสีเหลืองเขาเลยเรียกว่าวัดพระปรางค์เหลือง

สุดท้ายก็มาถึงจนได้ หลังจากที่หาข้อมูลกันแบบแปลกๆ มาสองวัน
ข้อมูลและภาพถ่ายของวัด ขอยกไปเล่าในตอนที่ 2 นะครับ

15 ตุลาคม 2551

023 | รูมเมท...เรท X

เมื่อวานนั่งอ่านนิยายใน pantip ห้องสมุด เรื่อง รูมเมท...เรท X สนุกดีครับ ตามอ่านตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนอวสาน คนอ่านเยอะซะด้วย ตอนนี้ขึ้นกระทู้แนะนำของห้องสมุดไปแล้ว

เนื้อเรื่องก็ไม่มีอะไรมากครับ แนวๆ ชีวิตเด็ก ม. (ดูเหมือนจะเป็น มน.ซะด้วย จากองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น สะพานลอยหน้ามอ, ทุ่งนาหลังมอ) แต่ที่ฮากันจนคนอ่านติดกันงอมแงม น่าจะเป็นสำนวนเขียนของผู้เขียนที่เขียนได้สุดตีนแบบโคตรๆ เช่น :

วันนั้นทั้งวัน
พวกมันก็นั่งสับไพ่กัน เฮฮาปาเป้ากันใหญ่
เรา.................................กรูป่วยพวกเมิงเข้าจายม้าย
เอ้...........................กรูข้าวจาย แต่เพื่อนกำลังมันส์เมิงไม่เห็นใจเหรอวะ
เอ้...........................กรูไปห้องน้ำแป๊บนะ
นก...........................แกจะหนีเหรออีเอ้
เอ้...........................ให้กรูขี้กลางวงเลยมั้ย
แป้น...........................รีบกลับมานะเว่ย ขาขาด เดินไม่เนียน
เรา...........................กรูโทรเรียกจานมาดูพวกเมิงดีมั้ย
แป้น นก ทิ้งไพ่ปุบปับ
นก..........................แกชวนชั้นเล่นอะแป้น
แป้น...........................อะไรเน่าๆ โบ้ยมาหากูนะเมิง
เอ้ออกมาจากส้วม
เอ้...........................อ้าว ทำไมเลิกอะ
นก...........................อีต้นมันจะโทรแจ้งจานอะ
เรา...........................กรูหิวข้าว หาอะไรให้กรูกินหน่อยสิ
ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตู
นิตย์โผล่มา
นิตย์...........................เอ่อ เราซื้อข้าวมาให้นายอะ
เรา...........................แล้วนายกินยัง
นิตย์...........................เราไม่หิว...นานๆจะกินที
เอ้...........................เมิงเป็นอูฐรึไงอีนิตย์ ผอมยังกะโครงไก่ตากแห้ง
แป้น...........................เออๆ งั้นกรูกับอีนกกลับก่อนนะ ไปหาอะไรกินก่อน หิว
นก...........................เออ บายๆ รีบหายนะเว่ยอีต้น อีแป้นมันรออยู่
แป้น...........................ตื่นเลยอีกิ๋ว...อีนี่นอนไม่ลืมหูลืมตา
กิ๋ว...........................งัวเงีย...นอนบ้านเมิงสิลืมตา


(ก็อปมาโปรโมทให้ผู้เขียนคงไม่ว่าอะไรนะครับ)

แนะนำให้อ่านตัวเต็มได้เลยที่เว็บ pantip ตาม Link
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7038453/W7038453.html (part 1)

ส่วน part ที่เหลือจนอวสาน ตาม Link ได้ในกระทู้นั้นแหละครับ

14 ตุลาคม 2551

022 | 14 ตุลาที่นครสวรรค์

...เมื่อ 35 ปีที่แล้ว



วันที่ 12 ตุลาคม 2516
เวลา 09.00 น. นักศึกษาวิทยาลัยครู 2 พันคนเศษ นัดหยุดเรียน พร้อมทั้งเปิดเวทีอภิปรายโจมตีรัฐบาลใน บริเวณวิทยาลัย มีการเล่นละครเสียดสีบุคคลในรัฐบาล และมีการติดโปสเตอร์พร้อมกับรับบริจาคเงินตามแหล่งชุมชนในตลาดปากน้ำโพ โดยได้รับความช่วยเหลือ จากประชาชนเป็นอย่างดี
ต่อมาเวลา 14.00 น. นักเรียนจากวิทยาลัยเทคนิคและ โรงเรียนต่าง ๆ ก็มาสมทบอีกประมาณ 4 พันคนเศษ หลังจากนั้นก็มีการประชุมกันเพื่อส่งตัวแทนไปร่วม ชุมนุมที่ธรรมศาสตร์ เมื่อถึงเวลา 20.00 น. การชุมนุม จึงได้สลายตัว

วันที่ 14 ตุลาคม 2516
เมื่อทราบข่าวว่าได้เกิดการต่อสู้กันขึ้นในกรุงเทพฯ ที่วิทยาลัยครูจึงได้เปิดการอภิปรายโจมตีรัฐบาลถนอม-ประภาสอย่างรุนแรง รวมทั้งได้พยายามส่งกำลังไปช่วย ที่กรุงเทพฯ แต่ไม่สามารถไปได้เนื่องจากมีด่านกักไว้ จึงจัดชุมนุมประท้วงกันทั้งวันทั้งคืน โดยได้รับความ ช่วยเหลือเรื่องอาหารจากพ่อค้าแม่ค้าในตลาด

วันที่ 15 ตุลาคม 2516
ที่วิทยาลัยครู ตัวแทนที่ส่งไปร่วมชุมนุมที่ ธรรมศาสตร์กลับมาเปิดอภิปรายโจมตีรัฐบาลเก่า มีการเผาหุ่นถนอม-ประภาส-ณรงค์ มีการตั้งศูนย์รับบริจาคโลหิตและไว้ทุกข์แด่วีรชน



**ข้อมูลเนื้อหาและภาพจากเว็บไซต์ 14tula.com
(
http://www.14tula.com/province/nakhon_sawan.htm)

**วิทยาลัยครูที่กล่าวถึงในบทความ ปัจจุบันคือ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์

021 | เงินเดือนขึ้น

ไม่ได้เขียนมาตั้งหลายวัน วันนี้เงินเดือนขึ้น 3% เลยต้องมาเขียนไว้เป็นที่ระลึกครับ ดีใจจังเยยโอ้ว

08 ตุลาคม 2551

019 | ที่ระลึก 7 ตุลาคม 2551



ผมตื่นขึ้นมาตอน 4 โมงเย็นเพราะไม่สบาย เลยไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้างในวันนี้
พอทราบข่าวจากโทรทัศน์และวิทยุ ผมก็หาข้อมูลเพิ่มเติมทั้งวัน และก็พอรู้เรื่องรู้ราวขึ้นมาบ้างแล้ว
ตกใจครับ แต่ก็คิดไว้เหมือนกันว่าสักวันก็คงต้องมีเหตุการณ์อย่างนี้

เรื่องใครถูก-ใครผิดผมไม่ขอเขียนไว้เป็นที่จดจำดีกว่า เพราะไม่อยากเจอเกรียนมาสั่งสอน (ha)

เมื่อสักพักที่ผ่านมา ผมนั่งอ่านตามกระทู้ในห้องราชดำเนิน (http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/) ก็เจอกับบรรยากาศเดิมๆ เหมือนที่เคยเจอในเหตุการณ์ต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้าทุกครั้งที่มีการปะทะกัน เช่น เรื่องปืนจ่อหัว เรื่องเสื้อยืด นปก. เรื่องมีดสปาตาร์

มาคราวนี้เจอเรื่องขาขาด เรื่องระเบิดมือ เรื่องป้ายทะเบียน เรื่องคาร์บอมบ์ อ่านๆ ไปก็มีความรู้สึกหลากหลายครับ ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอธิบายยังไงดี

ก็เลยสรุปว่า วันนี้มาเขียนบันทึกไว้เพื่อเป็นที่ระลึกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครับ

ผมสงสัยอยู่เรื่องหนึ่งครับ ว่าทำไมประเทศไทยเรามีคนเก่งๆ เยอะแยะ มีคนที่มีความรู้ความสามารถ เข้าใจสถานการณ์ต่างๆ ทะลุปุโปร่งมากมาย แต่ทำไมคนเหล่านี้ไม่เอาสิ่งพิเศษที่ตนเองมี มาช่วยกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกันบ้างละครับ ? น่าสนใจดีทีเดียว



ป.ล.สำหรับคนที่อ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจ

เรื่องปืนจ่อหัว - ภาพเหตุการณ์ปะทะระหว่างพันธมิตรและเจ้าหน้าที่ฯ ซึ่งมีภาพแสดงการใช้อาวุธปืนอะไรซักอย่างจ่อหัวผู้ชุมนุม เขาวิเคราะห์กันว่าเป็นภาพตัดต่อให้เหมือนกับเอาปืนมาจ่อ ซึ่งจริงๆ แล้วกระบอกปืนอาจจะยาว หรือสั้นกว่าที่เห็นในภาพ หรือตัวเจ้าหน้าที่คนนั้นอาจเป็นภาพที่ถูกตัดมาจากอีกภาพหนึ่ง

เรื่องเสื้อยืด นปก. - ภาพเหตุการณ์ต่อเนื่องจากข้างบน มี นปก.หลายคนสวมเสื้อยืดสีแดงทับเสื้อที่ตัวเองใส่อยู่ ถืออาวุธเช่นมีดยาว, ไม้กระบองชี้ขู่ไปยังกลุ่มพันธมิตร เขาว่ากันว่ามีการตัดต่อเอาเสื้อยืดมาแปะทับตัวคนในภาพ มีการวิเคราะห์ไปถึงเรื่องของรอยยับของเสื้อ, การพาดผ่านของเงาที่สะท้อนบนเสื้อ ฯลฯ

เรื่องมีดสปาตาร์ - สืบเนื่องมาจากภาพด้านบน เขาว่ากันว่าภาพถูกตัดต่อโดยการแปะมีดสปาตาร์เข้าไปในมือของ นปก.คนหนึ่ง (ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่เขาว่ากันว่าถูกตัดต่อภาพเสื้อแดง)

เรื่องขาขาด - ภาพลุงคนหนึ่งขาขาดเกือบถึงหัวเข่านั่งจมกองเลือดจากเหตุการณ์ที่รัฐสภา ซึ่งไม่รู้ว่าโดนแก๊สน้ำตาหรือของแรงอย่างอื่นเข้า เขาว่ากันว่าลุงคนนี้เป็นคนพิการขาด้วนอยู่แล้ว แล้วเอามาทำให้ดูเหมือนโดนขาขาด มีการวิเคราะห์ไปถึงเรื่องปริมาณเลือดซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บเสียเลือดมากจนไม่สามารถนั่งอยู่ได้, ลักษณะของปากแผลซึ่งไม่เหวอะหวะสมจริง รวมไปถึงบางคนที่ไปหาภาพคนพิการคนหนึ่งมาเปรียบเทียบให้เห็นว่าเป็นลุงคนนี้

เรื่องระเบิดมือ - ภาพระเบิดลูกเกลี้ยงๆ อยู่ในมือเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะสลายการชุมนุม เขาว่ากันว่าระเบิดดังกล่าวไม่ใช่ระเบิดทำลายล้างแต่เป็นระเบิดควันแบบขว้าง มีผู้ที่เชื่อว่าตนเองเชี่ยวชาญด้านอาวุธยุโธปกรณ์เป็นอย่างดีนำข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับระเบิดมือในภาพมาตีแผ่เป็นเรื่องเป็นราว

เรื่องป้ายทะเบียน - ภาพผู้ชุมนุมขับรถกะบะคันหนึ่งไล่ทับตำรวจจนได้รับบาดเจ็บ มีผู้โกรธแค้นและไม่พอใจการทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานร่วมกันขยายภาพเพื่อวิเคราะห์เลขป้ายทะเบียน และนำเลขป้ายทะเบียนที่ได้ไปสืบค้นจนได้ข้อมูลโดยละัเอียด ทั้งข้อมูลสี / รุ่น / เลขตัวรถ / เลขเครื่อง ของรถยนต์, ชื่อ-ที่อยู่ เลขที่บัตรประชาชน ของเจ้าของรถยนต์ และนำมาเผยแพร่

เรื่องคาร์บอมบ์ - รถยนต์ที่จอดอยู่ในบริเวณสถานที่ๆ ปะทะกันเกิดระเบิดจนมีผู้เสียชีวิต เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าเป็นคาร์บอมบ์ ซึ่งยังไม่รู้ที่มาว่าเกิดจากฝีมือใคร ประเด็นของเหตุการณ์ถูกกล่าวถึงในด้านต่างๆ ทั้งเรื่องของการกล่าวหาผู้ก่อเหตุ, เจ้าของรถ, รวมไปถึงการสมน้ำหน้าผู้เสียชีวิตที่ดันไปอยู่ใกล้รถในขณะเกิดเหตุ ???

01 ตุลาคม 2551

017 | Python กับการเขียนโปรแกรมเบื้องต้น

เทอมนี้ผมได้สอนวิชา การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Principle of Programming) สำหรับนักศึกษาปี 1 และผมก็ตื่นเต้นเหลือเกินเพราะไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้มาสอนเขียนโปรแกรม ผมพอรู้ตัวดีว่าผมไม่แน่นการเขียนโปรแกรมแบบนี้ (ปกติเขียนแต่เว็บ) ตอนผมเรียนปี 1 ได้เรียนภาษา Pascal กับ C ก็ย่ำแย่ไม่ใช่น้อย เรียกได้ว่าผ่านมาด้วยความเมตตาของอาจารย์เลยแหละ

แล้วพอรู้ตัวว่าจะต้องมาสอนวิชานี้ ผมก็คิดอยู่ว่าจะสอนด้วยภาษาอะไรดี เนื่องจากที่นี่ไม่ได้บังคับ อาจารย์บางคนอาจจะสอน Java บางคนอาจสอน C (แต่ส่วนใหญ่จะเป็น C ตามธรรมเนียมที่สืบทอดกันมา) และด้วยความที่มีนิสัยผิดแปลกจากชาวบ้านเขา ผมก็เริ่มคิดที่จะเปลี่ยนภาษาที่ใช้สอน...

ทำไมต้องเปลี่ยน ? เหตุผลสำคัญของผมก็คือ อยากจะให้นักศึกษาได้เรียนรู้ภาษาคอมพิวเตอร์เบื้องต้นภาษาใหม่ๆ ที่เขาว่ากันว่าเขียนง่าย เขียนเร็ว และต้องเป็นไปตามแบบแผนของภาษาคอมพิวเตอร์ที่เป็นเสมือนแบบอย่างที่ใช้สอนกันมาแต่เก่าก่อนอย่างภาษา C/C++ ด้วย

ผมเคยสอบถามอาจารย์อีกท่านหนึ่งที่สอนรายวิชาเดียวกันว่าใช้ภาษาอะไรในการสอนบ้าง อาจารย์ท่านนั้นใช้ภาษา BASIC ในช่วงครึ่งเทอมแรก และใช้ภาษา C ในครึ่งเทอมหลัง ซึ่งเหตุผลก็คือ ภาษา BASIC ง่ายต่อการเริ่มต้น และภาษา C สำหรับเอาไปต่อยอดในวิชาเขียนโปรแกรมขั้นสูงต่อไป

ในที่สุด ผมก็ List ภาษาคอมพิวเตอร์ที่คิดว่าเอามาสอนได้ แล้วก็ได้มาตามนี้ครับ

- C
- Java
- Ruby
- Python

ภาษา C : ตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุด ก็คือสอนตามๆ เขานั่นแหละครับ

ภาษา Java : ตัวเลือกที่ดูดีขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง แต่การนำไปสอนนักศึกษาปีหนึ่งนั่นอาจจะดูโหดร้ายไปสักนิด เพราะนักศึกษา 98% ในกลุ่มที่จะสอนนี้ไม่เคยเขียนโปรแกรมมาก่อน (และไม่เคยเรียนรู้เรื่องของกระบวนการพัฒนาโปรแกรม, เรื่องของ Algorithms ด้วย) แค่เขียนแบบ Structure ก็ดูจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำความเข้าใจแล้ว นี่ไปพูดถึง Object-Oreinted ผมคงโดนนักศึกษากลุ่มนี้เกลียดชัีงไปตลอดชีวิต (ha)

/* มันเป็นเหตุผลที่ดีในการที่จะสอนภาษาแหล่มๆ อย่าง Java แต่ผมอยากจะปรับทัศนคติให้ นศ.ไม่รู้สึกถึงความน่าเบื่อหน่ายจากความยากในการเขียนโปรแกรม ซึ่งอาจจะทำให้ นศ.เหล่านั้นเกิดอคติหรือท้อแท้ในการเรียนไปเลยก็เป็นไปได้ */

ภาษา Ruby : เหมาะสมในเรื่องของความง่ายในการเขียนโปรแกรม แต่ปัญหาคือสำหรับแถวนี้ (แถวไหนลองคิดเอาเอง) ภาษา Ruby เป็นเรื่องใหม่มากๆ และเอกสารอ้างอิง / ข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต ยังหายากอยู่ ผมคิดว่าตัวเลือกนี้เหมาะสมน้อยที่สุด

ภาษา Python : ดูเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ด้วยความง่ายของภาษา, ข้อดีจากสื่อแหล่งต่างๆ ที่ชื่นชมกัน, แหล่งข้อมูลในรูปแบบภาษาไทยก็ยังหาได้ง่าย (มีหนังสือของ สสท. เล่มหนึ่ง, เอกสารที่ Download จากอินเตอร์เน็ต, เว็บ codenone.com) ผมคิดว่านี่เป็นตัวเลือกที่ดีเลยแหละ

สุดท้ายคนที่ตัดสินใจว่าจะใช้ภาษาใดในการเรียนการสอน ก็คือผู้เรียนนั่นเองครับ

ผมถามนักศึกษาในคาบแรกที่เข้าสอน ว่าจะเรียนภาษาอะไร ระหว่าง C กับ Python (เหลือสองตัวเลือกเพราะเหตุผลดังที่กล่าวมา) นักศึกษาในกลุ่มนี้มีบางคนซิ่วมาจาก ม.อื่น และเคยเรียนภาษา C มาบ้างแล้ว ทั้งห้องโหวตกันและเลือกภาษา Python ครับ..

เหตุผลของนักศึกษามีนิดเดียว คือเขาถามผมว่า ภาษาไหนใหม่กว่ากัน ระหว่าง C กับ Python เขาอยากเรียนภาษาใหม่ๆ อยากตามทันเทคโนโลยีและกระแสนิยม

สุดท้ายผมก็ใช้ภาษา Python สอน ผมเคย Search เจอในอินเตอร์เน็ตก็มีคนบอกว่า บาง ม.ก็ใช้ Python สอนเด็กปี 1 เหมือนกัน ผมเลยอุ่นใจขึ้นมาอีกนิดหน่อยว่า อย่างน้อยก็ไม่ใช่เราคนเดียวละที่แหกคอก

และมาจนถึงวันนี้ ผมสอนรายวิชานี้มาครบเทอมแล้ว วันพรุ่งนี้จะเป็นการสอบปลายภาคของนักศึกษากลุ่มนี้ ผมเลือกที่จะให้สอบปฏิบัติโดยการเขียนโปรแกรมส่ง (ซึ่งตอนนี้ผมก็กำลังคิดโจทย์อยู่)

ผมติดตามพัฒนาการด้าน Programming ของนักศึกษากลุ่มนี้มาตลอดทั้งเทอม และผมได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นซึ่งก็เป็นไปตามที่ผมคาดหวังไว้

พวกเขาไม่ได้เริ่มต้นจาก C แต่พวกเขาสามารถเขียนโปรแกรมได้ตามหลักการที่ถูกต้อง พวกเขาเรียนรู้และเข้าใจโครงสร้างข้อมูลแบบต่างๆ พวกเขารู้จัก Array แม้จะไม่เคยใช้ (เพราะไม่มีใน Python) แต่ก็รู้จักประโยชน์ของ List (ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่า Array) พวกเขาสามารถเขียนโปรแกรมที่ทำงานได้ โดยใช้เวลาน้อยกว่าการเขียนด้วยภาษา C เกือบเท่าตัว

แน่นอนครับ สุดท้ายแล้วสิ่งที่ผมต้องการจะจุดประกายให้นักศึกษากลุ่มนี้ ก็คือ Rapid Programming นั่นเอง

พรุ่งนี้จะสอบปลายภาคแล้ว ได้ผลเป็นอย่างไรผมจะมาเขียนเล่าให้อ่านกันอีกทีครับ