หน้าเว็บ

02 พฤศจิกายน 2558

201 | Rose Gold in 32th Anniversary Day / Find My iPhone !!! [3]

เหมือนจะกลายเป็นความเคยชินไปแล้วที่ไม่ว่าจะขี้เกียจยังไง แต่ทุกวันคล้ายวันเกิดต้องมาเขียนอะไรสักหน่อยตรงนี้

วันนี้หมองหม่นมาก (คาดว่าน่าจะเป็นผลพวงมาจากเหตุการณ์มากมายในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา) จู่ๆ ก็มานึกว่าเออ...อยากได้อะไรในวันเกิดบ้างว่ะ ไม่ได้มาหลายปีแล้ว แต่ๆ ครั้นจะขอของขวัญวันเกิดจากพ่อแม่ก็ใช่ที่ จะขอจากคนอื่นใครที่ไหนเขาจะให้ สรุปก็คงไม่แคล้วต้องซื้อเอง

นั่งคิดไปคิดมาตั้งแต่เช้าจนบ่าย ตัดสินใจได้ว่า "เปลี่ยนโทรศัพท์ดีกว่า"

มือถือที่ใช้อยู่ ณ ปัจจุบันนี้คือ iPhone 5 (ความเดิม) ซึ่งไม่คิดว่าเวลาผ่านมาแค่ประมาณ 2 ปี มันจะเริ่มง่อยเปลี้ยขนาดนี้ (ผิดกับโทรศัพท์อมตะอย่าง iPhone 4 ลิบลับ) คือมันมีอาการยังงี้

แบตบวม
ตอนแรกไม่รู้ แต่สังเกตว่าจอมันแตะยากๆ บางทีก็เหมือนไม่ค่อยเชื่อฟังเราเท่าไร แต่ก็ไม่ได้หาสาเหตุอะไรจนมีวันนึงมานึกว่า เห้ยถ้าจอมันโก่งเพราะแบตบวมละ? ก็เลยลองกดๆ หน้าจอดู แล้วก็เป็นงั้นจริงๆ ด้วยแฮะ คือแบตมันบวมจนดันจอให้โก่งออกมานอกขอบด้านข้างเลย อันนี้ปล่อยไว้ไม่ได้อันตรายมาก เลยไปเปลี่ยนที่ร้านมือถือใน The Walk เสียค่าแบตใหม่ (ที่ไม่รู้ว่ายี่ห้ออะไร) ไป 800 บาท น่าเสียดายว่าถึงแม้แบตก้อนใหม่จะไม่บวมแล้ว แต่จอที่โก่งไปมันไม่ได้กลับมาเหมือนเดิม T_T

ปัญหา WiFi
WiFi ใน iPhone 5 เครื่องนี้มันยังไงไม่รู้ ต่อได้บ้างไม่ได้บ้าง ถ้าเป็น Router ดีๆ หน่อยจะต่อได้ แต่บางทีก็ต่อไม่ได้ (พวก TP-Link จะเป็นบ่อย) ยิ่งเวลาอยู่ที่ทำงานมันต่อได้บ้างไม่ได้บ้าง คือไม่ใช่จะงก 3G/4G แต่บางทีมันก็จำเป็นต้องโหลดอะไรหนักๆ อะนะ

เอาแค่สองอันนี้ก็เพียงพอแล้วเพราะอย่างอื่นไม่มีปัญหาใดๆ ต่อมาคือจะเลือกรุ่นไหน (ยี่ห้ออื่นไม่เคยอยู่ในหัวอยู่แล้ว) ระหว่าง iPhone 6 หรือ iPhone 6s และจะเลือกอันไหนระหว่างรุ่นขนาดธรรมดาหรือ Plus (จริงๆ ประเด็นเรื่องขนาดนี่ใจก็เอนเอียงไปที่ตัวเล็กมากกว่า เพราะเห็นหลายคนใช้ + เคยไปจับ 6 Plus มาแล้วมันดูใหญ่ไปไม่ถนัดมือ)

ข้าพเจ้าตัดสินใจว่าต้องไปดูของจริง อาจจะช่วยให้อะไรๆ ง่ายขึ้น

เพราะถ้าเทียบจากแนวคิดเดิมที่เคยว่าไว้คือ ซื้อรุ่นที่ Out ไปแล้ว 1 รุ่น ดังนั้นตัวเลือกที่ดีก็คือ iPhone 6 แถมยังดูเหมือนเรารักษามาตรฐานการใช้โทรศัพท์ไว้ได้ (iPhone 4 -> iPhone 5 -> iPhone 6) ซึ่งก่อให้เกิดความภูมิใจอยู่ไม่ใช่น้อย 5555

แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน เพราะคราวที่แล้ว Feature เด่นๆ ที่ทำให้ 5s ต่างจาก 5 เลยก็คือ Touch ID ซึ่งตอนนั้นยังดูเฉยๆ อยู่ ส่วนเรื่องกล้องไม่ใช่ปัญหาเพราะระดับ iPhone 5 ขึ้นไปก็พอใจมากแล้ว แต่พอมาดูตอนนี้ ระหว่าง 6s กับ 6 เนี่ยมันต่างกันเยอะมาก ทั้ง 3D Touch, CPU+RAM และความหนาของวัสดุที่งอได้ยากขึ้น การตัดสินใจมันเลยเริ่มเขวๆ ละ อีกอย่างก็กลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยตอน iPhone 5 (อะไรที่ Fail มันแก้ใน 5s หมดแล้วซึ่งเราดันไม่รู้)

พอคิดไปคิดมาก็เอาละ ไปดูของจริงดีกว่า 3D Touch มันกดยังไงแบบไหน ความเร็วที่ว่าเร็วส์นี่มันเชิงประจักษ์เลยมั้ย ลุยๆๆๆๆ

ไป iBeat ก่อนเลย มีตัวจริงๆ ให้ลองเล่นอยู่แล้ว

พอเห็นแวบแรก เห้ย !!! Rose Gold ....สวยว่ะ

คือสีมันสวยยยยยยยย ไม่ได้ชมพูแบบฟรุ้งฟริ้งนะ ไม่ได้ออกทองแบบคนแก่ด้วย มันสวยแบบ เออ...สวยจริง สวยจนยอม 55555 อธิบายไม่ถูก

พอได้ลองกด 3D Touch โอ้โห !!!! นี่มัน นวัตกรรมชัดๆ


(ขอบคุณภาพประกอบจาก cnet.com)

คือใครแม่งจะไปคิดว่าวันนึงเราจะมาคลิกขวาในมือถือ (ถึงจะมีคล้ายๆ กันใน Android มานานแล้ว) แถมไอ้การคลิกขวาที่ว่านี้มันยังต้องใช้แรงกดอีกด้วย แถมกดด้วยความแรงได้หลายระดับอีกนะ แม่จ้าววววววววววว นี่มันปลุกพลัง Geek ในตัวขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ มือไม้สั่นเลยสิครับทีนี้ ....อยากได้ว่ะ อยากได้จริงๆ อยากได้จากใจเลย

ปรากฏว่าน้องพนักงาน iBeat ช่วยเบรคเราไว้ได้ทันท่วงที เพราะเราเองก็ทำใจไว้ก่อนนิดๆ แล้วว่า

"ของไม่มีนะคะพี่ ถ้าจะเอาต้องสั่ง รอคิวยาวด้วยคนสั่งเยอะมาก"

แหงละจ้ะ เพิ่งวางขายในไทยไปเมื่อวันสองวันก่อนนี้เอง มีของก็แปลกละ

ก็เลยขอบน้ำใจกันพองาม แล้วก็จากมาอย่างผิดหวังนิดๆ อืมมมม เอาไงต่อดี ไปถิ่นเดิมเราดีกว่า ศูนย์ DTAC ที่เราคบหากันมานาน ไม่ค่อยทำให้เราต้องช้ำใจ เอ้าลองไปดู

ยืนตีเนียนเล่นเครื่อง Demo อยู่พักนึงจนพนักงานว่าง ก็เลยถามแบบไม่ค่อยอยากจะสนใจเท่าไร

"ราคา iPhone 6s เป็นไงครับ"
"อ๋อ ตามนี้เลยค่ะ" (ชี้ที่ป้ายราคาพร้อมบรรยายเงื่อนไขการผ่อนและโปร)
"มีของไหมครับ"
"มีค่ะ เอาสีอะไรดีคะ"
เห้ย...
"สี Rose Gold มีไหมครับ"
"มีค่ะ 16 GB นะ"
"นั่นแหละครับ เอา"
(เดินไปหยิบกล่องมาจาก Store) "นี่ค่ะ"

เออ...บทจะง่ายก็ง่ายปานนั้น

จู่ๆ ก็รูดบัตร จู่ๆ ก็ได้เครื่อง และก็เดินออกมาพร้อมโทรศัพท์รุ่นและสีที่หาของได้ยากที่สุด ณ เวลานี้อย่างง่ายดายราวกับเข้า 7-11 ซื้อน้ำขวด นี่มันอะไรกัน 55555555+

มารู้ทีหลังจากร้านที่ติดฟิล์มกันรอยว่ารุ่น 16 GB คนไม่ค่อยเล่นกันเพราะเต็มเร็ว ส่วนใหญ่จะไปเล่น 64 GB มากกว่า แต่เราไม่ซีเรียสเพราะไม่ได้ลงเพลงลงเกม รูปก็ก็อปออกใส่ Ext HDD ไว้เรื่อยๆ พื้นที่เลยเหลือเยอะพอใช้ได้สบายๆ สรุปคือเราได้ของเพราะคนไม่ค่อยเล่นรุ่นความจุนี้ + คนส่วนใหญ่มุ่งไป iBeat/iStudio ก่อนเพราะคาดว่าจะได้ของชัวร์และราคาต่ำกว่า (จริงๆ ซื้อพร้อมโปรจะถูกกว่าเครื่องเปล่าอยู่หน่อยนึง)

ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย โดนบังคับใช้โปร 499 (โทร 200 นาที เน็ต 2 GB แถมอีก 3 GB 6 เดือน) ต้องใช้ 3 เดือนถึงเปลี่ยนไปโปรอื่นได้ ไม่ซีเรียสเพราะโทรน้อย เน็ต 2 GB ก็พอใช้ชนเดือนอยู่ ส่วนค่าตัวเสียไป 25,950 บาท (แพงตามวิกฤตค่าเงินบาทเหลวเป๋ว) ผ่อน 0% 10 เดือนกับ KBANK จ่ายเดือนละ 2,595 บาท ก็ยังพอรับไหวเพราะเงินเดือนเพิ่งขึ้นมาหน่อยนึงยังพอมีปัญญาผ่อนได้ไม่หนักมาก แลกกับของดีที่ได้มาถือว่าโอเค คุ้มละๆ


กล้อง iPhone ไม่เคยทำให้ผิดหวังจริงๆ พอมาสัมผัสประสบการณ์ 12 ล้านของจริงเล่นเอาขนลุก แถมวัดแสงแบบขั้นเทพอีกตะหาก

หวังว่ารอบนี้เปลี่ยนมาใช้รุ่น s แล้วคงไม่ทำให้เจ็บช้ำน้ำใจเหมือนคราวที่แล้วนะจ๊ะ 5555555
สุดท้ายนี้ขอสุขสันต์วันเกิดให้ตัวเองครับ ยินดีต้อนรับสู่ปีที่ 32 บนโลกนี้ และขอแสดงความเสียใจที่เวลาหายใจของท่านได้น้อยลงไปอีกปีแล้ว

สู้กันต่อไปครับ :)

ไม่มีความคิดเห็น: