หน้าเว็บ

07 มิถุนายน 2557

190 | My Macbook Pro !!!


แล้วในที่สุด อารยธรรม Apple ตัวเป้งๆ ก็มาอยู่ในชีวิตผมจนได้ครับ

เล่าเท้าความก่อน เมื่อช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ผมมีปัญหากับ Notebook ASUS เครื่องใหม่ของผมมาก (ใหม่ประมาณ 1 ปีกว่าๆ) คือมันชอบแฮงค์แบบงงๆ ช้าแบบหาสาเหตุไม่เจอ ผมก็ลองสลับ OS มาสารพัดแล้วตั้งแต่ Windows 7 32-64 Bit, Windows 8 Enterprise 32-64 Bit, Windows 8.1 Pro 32-64 Bit, Ubuntu (เวอร์ชั่นล่าสุด) ก็มีปัญหาเหมือนๆ กันหมด (Ubuntu ดูจะปัญหาน้อยสุด) ซึ่งผมก็ไม่อะไรมาก เพราะการใช้งานโดยทั่วไปช่วงนั้นคือเล่นเน็ต, ฟังเพลง, ต่อ HDMI ดูหนังผ่านทีวี, โหลดบิต อะไรทำนองนี้

มามีปัญหาอีตอนจะทำงานนี่แหละครับ งานที่ทำอยู่ช่วงนี้คือจะยุ่งๆ อยู่กับการสร้าง Ontology กับ SKOS โดยใช้ Protege และ Plug In บางตัว, ทดสอบ Query กับ Ontology ที่สร้างโดยใช้ Eclipse เขียนโปรแกรม Java เล็กๆ + Jena API แล้วก็เขียนรายงานใน Microsoft Word มีเก็บผลลง Excel บ้าง แต่งานหลักคือเขียนรายงานลง Word นี่แหละครับ ซึ่งปกติแล้วผมจะใช้ Cloud Storage เป็นหลัก (เดิมใช้ DropBox แต่พอมี Surface RT แล้วใช้ OneDrive มันสะดวกกว่าเยอะ) บางทีทำๆ งานไป เครื่องแฮงค์ บางทีพิมพ์ๆ งานอยู่ จอฟ้า (จอฟ้าของ Windows 8.1 นี่เชี่ยมาก) ไอ้ที่เจ็บปวดจัดก็คือบางทีไฟล์ล่าสุดที่เราเก็บลง Cloud ไปดันหาย ต้องไปเอาเวอร์ชั่นเก่ามาเขียนเพิ่มอีก

ผมก็พยายามหาสาเหตุ + หาทางออกที่ดีที่สุดมาตลอด ตอนแรกเดาก่อนเลยว่า OS แหงๆ ซึ่งก็ไม่น่าใช่เพราะปัญหามักจะเกิดตอนใช้ Microsoft Office ก็เลยมาเดาต่อว่าเป็นที่ Office รึเปล่า ก็ลองเปลี่ยนไปมาระหว่าง 2007 กับ 2013 ซึ่งก็ไม่ต่างกันเท่าไร ลองหาทางออกโดยเปลี่ยนไปลง Ubuntu แล้วไปใช้ LibreOffice ก็เจอปัญหาเรื่อง Font อีก (อยากให้บรรดา Conference, Journal ไทยทั้งหลายเลิกบังคับใช้ Font UPC ซักที) ลองไปใช้ Office 365 ผ่านเว็บก็นะ...ช้ามากๆ แถมไฟล์ที่อยู่ใน OneDrive ต้อง Convert ก่อนถึงจะแก้ไขงานได้อีก (ช่างเป็นระบบที่ฉลาดมาก นี่ไฟล์เอกสารตูสร้างจาก Microsoft Office ของบริษัทมึงเองเลยนะ)

จนมาเจอช่วงพีคเมื่ออาจารย์ที่ปรึกษาให้เขียนโครงร่างวิทยานิพนธ์ส่งเพื่อดูโอกาสขึ้นสอบช่วงเดือนหน้า แม่งเหมือนรู้เลยครับว่างานเร่ง เครื่องแฮงค์ทุก 10-20 นาที พิมพ์ไปเป็นครึ่งหน้าหายไปแบบงงๆ จอฟ้านี่ขึ้นแล้วขึ้นอีกแบบ...เฮ้ย ใจว่ะ มึงอะไรเนี่ย (กูจะบ้า) สุดท้ายมานั่งคิดว่าไม่ไหวแล้วว่ะ ขึ้นเป็นแบบนี้ต่อไปงานเสร็จไม่ทันส่งแน่ ทางออกที่พอนึกออกมีดังนี้ครับ

- เอาเครื่องไปซ่อม คือสันนิษฐานว่าเป็นที่ Hardware แหงๆ ละ แต่จะเอาไปซ่อมตอนนี้แล้วมันจะเสร็จเมื่อไร ปัญหาคือยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเสียที่อะไร ถ้าเสียที่ HDD ก็โอเค ซื้อตัวใหม่มาเปลี่ยนจบ แต่ถ้าแม่งเสียที่บอร์ดละ หนังยาวเลยนะคราวนี้ 1 เดือนเป็นอย่างช้าแหง
- ไปใช้เครื่องอื่นทำงาน...เครื่องใครละ เครื่องที่ห้อง ป.เอกมีอยู่แต่จมฝุ่นมาเกือบ 2 ปีละแถมเป็น PC ตูต้องลากสังขาร (ที่ยังไม่ปกติดี) ไปทำงานที่คณะทุกวันก็คงไม่ไหว จะยืมเครื่องชาวบ้านใช้ก็นะ เครื่องคอมไม่ใช่จานชามช้อนส้อม จะเอาคอมจากที่บ้านมาใช้แล้วพ่อกับแม่จะใช้อะไรอีก จะยก PC ที่บ้านที่มีอยู่อีกเครื่อง ไอ้นั่นก็ 3-4 ปีละ ผีเข้าผีออกเหมือนกัน (แต่ยังไม่มีเวลาซ่อม)

โทรไปปรึกษาแม่ครับ แม่ให้ทางออกแบบสุดตะลึงคือ ซื้อคอมใหม่เลย (โอ้วววนี่บ้านเราเศรษฐีตั้งแต่เมื่อไร) เหตุผลที่จำยอมคือมันรีบครับ ถ้าไม่ใช่ช่วงปั่นงานผมก็ไม่อะไรๆ หรอก แต่ ณ วินาทีนี้เวลาโคตรจะสำคัญ แม่บอกว่ามันจำเป็นก็ต้องซื้อ เครื่อง (เฮงซวย) นั่นเดี๋ยวเสร็จช่วงเร่งงานแล้วค่อยไปซ่อม

โอเคสรุปว่าได้เสียตังค์กันอีกแล้ว คราวนี้ก็ถึงผู้ใช้อย่างผมต้องตัดสินใจละว่าจะซื้อเครื่องยี่ห้อไหน รุ่นอะไร ราคาเท่าไร ผมตอบแบบไม่คิดเลยครับคราวนี้

Macbook Pro เท่านั้น !!!

คือตอนที่ Notebook ACER ที่ใช้มาตั้งแต่สมัย ป.โท ตัวที่หอบหิ้วมาจากนครสวรรค์มันมีปัญหาชาร์ตไฟไม่เข้านั่นประมาณปี 55 ผมก็ขอซื้อ Notebook เครื่องใหม่ (ก็คือไอ้ ASUS ที่มีปัญหานี่แหละ) ตอนนั้นคิดแบบห้าวๆ ว่าอยากได้เครื่อง Mac เลยบอกแม่ไป แม่ก็อนุมัตินะแต่คิดไปคิดมาผมเกิดเสียดายเงินขึ้นมา เพราะราคาตอนนั้นมันเกือบ 40,000 ถ้าเราเลิกห้าวแล้วไปซื้อ Notebook ธรรมดาอย่างที่เคยใช้ก็อาจจะสัก 19,000 ประหยัดไปครึ่งนึงเห็นๆ เลยตัดสินใจเอา ASUS ตัวนี้มาเพราะเชื่อใจแบรนด์นี้มาก (ASUS ตัวแรกที่ใช้ซื้อตอนทำโปรเจคจบ ป.ตรี ประมาณปี 49 มาหมดแรงล้าเพราะสเปคไปต่อไม่ไหวตอนเรียน ป.โทช่วงปี 52 แล้วแม่ก็ใช้ดูหุ้นเล่นเน็ตที่บ้านมาอีกจนปี 55 ปลดระวางเอา ACER ผมไปซ่อมแล้วมาใช้แทน จริงๆ ทุกวันนี้มันก็ยังไม่พังแค่แบตเสื่อมไปตามเวลา) 

แล้วไอ้แบรนด์ที่เชื่อใจแม่งก็ทำกันซะจนได้


ASUS เจ้าปัญหา ทุกวันนี้ก็ยังทำใจเปิดเครื่องย้ายข้อมูลไม่ได้ กลัวแฮงค์แล้วจะปรี๊ดแตกอีก

ต่อมาก็ได้มีโอกาสไปลองเล่น Macbook Pro จากที่ iStudio, iBeat รวมถึงเล่นของชาวบ้านมาหลายครั้ง ทั้งของพี่ชัย (ป.เอก IT) กับเมษา (ป.โท IT) โดยเฉพาะไอ้เมษาที่โฆษณาชวนเชื่อแบบสุดๆ หลายครั้ง (เอาจน อ.ต้องเสียเงินซื้อ Macbook Air มาแล้ว) จนเริ่มรู้สึกคุ้นเคยกับระบบของมันบ้างละ (คือมันเหมือน Ubuntu มากๆ แต่เอาจริงๆ แล้วต้องบอกว่า Ubuntu ไปเหมือน Mac OS X ถึงจะถูก) พอคราวนี้ถึงเวลาเปลี่ยนเครื่องอีกครั้ง ผมเลยตัดสินใจแบบไม่คิดเลยครับ เหตุผลของการเลือก Macbook Pro ของผมมีดังนี้คือ

- ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา คือตอนซื้อราคามันแพงจนน่าตกใจก็จริง แต่ถ้ามันสามารถใช้ได้ไปนานๆ สัก 4 ปีอย่างต่ำนี่ก็พอคุ้มอยู่ (อาจจะเฉลี่ยปีละ 10,000 บาท) ซึ่งปกติใช้ Notebook เนี่ย 2-3 ปียังปกติดีนี่ก็สุดยอดแล้วครับ ถึงผมจะไม่ได้เล่นเกมหนักๆ แต่เวลาใช้ทำงานก็เปิดนานอยู่เหมือนกัน แถมมักจะหอบหิ้วไปนู่นนี่อยู่บ่อยๆ ด้วย Notebook ปกตินี่ก็ต้องมีงอแงบ้างละ
- ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับอายุการใช้งาน ตัวเครื่องโลหะแบบ Macbook Pro นี่ดูยังไงก็ทนกว่า Notebook ปกติอยู่แล้วครับ อีกอย่างในแง่ OS ที่รองรับนี่ก็ดูเหมือนจะนานใช้ได้อยู่ (เพิ่งเห็นว่า Yosemite ที่กำลังจะออกนี่รองรับไปถึงรุ่น 2009 โน่น) ยังไงก็คงมี OS ใหม่ๆ ให้ใช้ได้อีกนานครับ
- ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับความหลากหลาย คือตอนนี้เอามาลง Windows ผ่าน BOOTCAMP ก็โอเคแล้วนะ ยังไม่นับโปรแกรมทั่วไปที่อยู่บน Mac OS X อีกที่ตอนแรกนึกว่าน้อย (สมัยก่อนคงน้อย) แต่จริงๆ แล้วมันเยอะ แล้วมันเป็นโปรแกรมที่เราใช้อยู่บน Windows เป็นประจำซะด้วยสิ

ผมตัดสินใจแบบชัดเจนประมาณนี้แล้ว ต่อไปก็เลือกรุ่นละครับ

Macbook Air นี่ตัดไปได้เลย เพราะมันบอบบางไปสำหรับผม แถม Storage น้อยเหลือทน (ถึงจะเร็วเพราะเป็น SSD ก็เหอะ) พอมาดู Macbook Pro ตัวล่าสุด สิ่งแรกที่ผงะคือราคาครับ...เกินงบมาไม่ใช่น้อย แถมพอไปดูตัวจริงแล้วแบบว่าเฮ่ย Apple คิดถูกแล้วเหรอ ดูมันทับไลน์ Macbook Air ยังไงชอบกล นับตั้งแต่น้ำหนักที่เบาลงแต่อัพเกรดอะไรไม่ได้เลย Storage เปลี่ยนมาใช้ SSD แล้วความจุน้อยลงมาก แล้วไอ้จอ Retina Display นี่มันก็...ดีนะ แต่ไม่ค่อยสำคัญไม่ใช่เหรอ

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมซื้อคอมพิวเตอร์แบบ "ไม่เอาเทคโนโลยีล่าสุด" ครับ เหตุผลคล้ายๆ ตอนซื้อ iPhone 5 แหละครับคือ สู้ราคาไหวแค่นี้ อีกอย่างคือคิดว่ารุ่นใหม่ๆ ที่อาจจะออกมาต่อจากนี้คงไม่ตอบโจทย์เราอีกแล้ว คือคอมพิวเตอร์มันควรจะแยกส่วนครับ มันควรจะอัพเกรดได้ ไม่ใช่เน้นเบาเน้นหรูแต่จบแค่นั้น ถ้าสมมุติว่าซื้อ Macbook Pro Retina Display มาแล้ว Storage ไม่พอละ? ใช้ Ext HDD เหรอ ไม่ใช่เรื่องแล้วมั้ง (คหสต.นะ) สุดท้ายตัดสินใจได้ชัดเจนเพราะเหลือให้เลือกอยู่รุ่นเดียว ก็ตรงดิ่งไป iStudio ที่เซ็นทรัล ณ บัดเดี๋ยวนั้นเลยครับ (อย่าลืมว่าผมกำลังปั่นงาน ช่วงเวลาตัดสินใจจนถึงตอนออกไปซื้อใช้เวลาเพียงประมาณ 1 ชม.)


รุ่นนี้ครับ (Capture จากเว็บ Apple Store TH)

ดูจากสเปคแล้วก็ไม่ได้ขี้เหร่ครับ CPU ความเร็วเท่านี้มันเกินพอแล้ว RAM 4GB เท่าเครื่องเก่าก็เหมาะสมกับงานเราไม่มากไม่น้อยเกินไป (รู้มาว่า Mac OS X พื้นฐานมาจาก UNIX ซึ่งค่อนข้างประหยัดทรัพยากร) HDD 500 GB ก็เท่าเครื่องเก่า ส่วนการ์ดจอ Intel นี่ไม่ซีเรียสครับเพราะใช้ On Board ของ Intel มาตลอด ยกเว้นเครื่องล่าสุดมี nvidia มาแต่ก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์เท่าไร 5555555 ส่วนแบต 7 ชั่วโมงนี่ในใจคิดว่าโม้ชิบหาย แต่ก็เคยลองดูพี่ชัยกับเมษาใช้แล้วก็โอเคถือว่านานอยู่

ตอนไปซื้อก็อย่างที่คิดไว้ครับ สินค้า Apple ราคาไหนราคานั้นทั่วราชอาณาจักร 37,900 ไม่มีลดให้สักสลึง ผมซื้อ Magic Mouse ด้วยแม้จะพอรู้มาว่า Mouse ธรรมดาก็ใช้ได้ แต่ก็ไหนๆ จะย้ายอารยธรรมแล้วก็เอาให้มันสุดๆ ไปเลยละกัน (วะ) โดนไปอีก 2,000 กว่าบาท อีกอย่างที่สำคัญคือสายแปลง Thunderbolt เป็น HDMI อันนี้สำคัญมากเพราะความบันเทิงส่วนหนึ่งในชีวิตคือการดูหนังครับ รวมๆ แล้วหมดไป 41,xxx ในพริบตา (เข่าอ่อน) ยังดีที่น้องพนักงานขายเป็นอดีตลูกศิษย์พี่โหน่งเลยคุยง่าย น้องเขาแถมฟิล์มกันรอย iPhone 5 มาให้อีก 4-5 อันค่อยยิ้มออกบ้าง


Magic Mouse ตัวแพง (ตอนหลังรู้แล้วว่าทำไมถึงแพง)


กล่อง Macbook Pro เทียบขนาดกับหนังสือการ์ตูนทั่วไปครับ

กลับมาถึงห้องก็ลง Windows 8.1 Pro + Office 2013 ผ่าน BOOTCAMP ก่อนเลยครับ แล้วก็ปั่นงานยาว มีเวลาช่วงก่อนนอนประมาณวันละ 10-20 นาทีแอบหัดใช้ Mac OS X Marverick บ้างจนพอจะคลำทางได้บ้างละ

ตอนต่อไปจะมาเล่าถึงประสบการณ์การใช้งานสั้นๆ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาครับ


(Entry นี้เขียนแก้ง่วงระหว่างรอเวลาไปส่งงานอาจารย์หลังจากโหมงานมาหลายวันหลายคืนติด)

ไม่มีความคิดเห็น: