เมื่อช่วงปลายเดือนกุมภาที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปนำเสนอผลงานระดับนานาชาติเป็นครั้งแรกในชีวิตที่พัทยาครับ งานนั้นคือ
ICISA 2015 (The 6th International Conference on Information Science and Applications)
ผู้รับผิดชอบงานก็คือ
iCatse ร่วมกับ
Springer (ปีก่อนๆ เป็น IEEE) ดูเหมือนจะผลัดกันจัดงานเวียนกันระหว่างประเทศไทยและประเทศเกาหลีใต้ ปีนี้ดีหน่อยวนมาถึงไทยเลยไม่ต้องไปไกล
งานจัดระหว่างวันที่ 24-26 กุมภาพันธ์ 2558 ณ โรงแรมฮอลิเดย์อินน์ พัทยาครับ
เว็บไซต์หลักของงาน:
http://icisa2015.org/
การไปงานนี้ก็เป็นการเริ่มต้นอะไรครั้งแรกหลายๆ อย่างครับ อย่างเช่น
- ได้ทำ Paper เป็นภาษาอังกฤษครั้งแรก
- ได้นำเสนองานเป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ ครั้งแรก
- ได้เจอค่าลงทะเบียนแพงมหาโหดครั้งแรก ($620)
- ได้ไปนำเสนองานแบบตัวคนเดียวครั้งแรก (คือไม่มีเพื่อนและอาจารย์ไปด้วยเลย)
- ได้ขับรถทางไกลครั้งแรก (นครสวรรค์-พัทยา) แถมไม่มีใบขับขี่ 55555
- ได้เที่ยวกับครอบครัวครั้งแรกหลังจากขาที่หักหายดีแล้ว
แต่พอทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดีแล้วก็ถือว่าเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่ดีสุดยอดมากๆ ครับ ทีนี้จะเล่าถึงรายละเอียดต่างๆ ที่เจอมาครับ
สถานที่
อย่างแรกคือ งาน Conf นี้จัดที่โรงแรมหรูมากๆ (โรงแรมฮอลิเดย์อินน์ อยู่ตรงพัทยาเหนือ) วันแรกที่ไปถึงก็วนรถไปดูโรงแรมก่อนเลย ซึ่งก็ตกใจพอตัวแล้วว่าทำไมดูยิ่งใหญ่จัง จนวันแรกที่ไปลงทะเบียนนั่นแหละครับ ทั้งห้องเปิดงาน ห้องนำเสนองานแต่ละห้อง แม้แต่ห้องโถงที่ไว้ทานเบรคและมื้อเที่ยงยังโคตรหรูหราเลยครับ อยากจะถ่ายรูปมาเหมือนกันแต่ตื่นเต้นลนลานมากไปเลยดูรูปจาก Facebook ของงานละกันครับ
อันนี้ห้องใหญ่ที่ไว้เปิดงานและฟัง Invited Speaker
บริเวณโถงที่ไว้ทานเบรคและมื้อเที่ยง
ห้องนำเสนองานแต่ละห้อง ข้างในเหมือนกันหมด
ของติดไม้ติดมือ
เนื่องด้วยว่าค่าลงทะเบียนงานนี้มันแพงเหลือเกิน ($620 ตีเป็นเงินไทย ณ วันจ่ายตังก็ประมาณ 20,000 กว่า) ก็เลยคาดหวังว่าของที่ระลึกในงานมันต้องคุ้มค่าน่าสะสมแน่ๆ เลยเว้ย ซึ่ง Conference Package ทีไ่ด้มามีดังนี้ครับ
- หนังสือรวม Abstract 1 เล่มบางๆ
- ป้ายห้อยคอ 1 อัน
- กระเป๋าผ้าดิบหูรูดเหมือนเป้เด็กวัยรุ่นสมัยก่อน สรีนลายนกลายช้าง 1 ใบ (ผิดหวังมากๆ)
- USB Drive ยี่ห้อ Apacer ที่ใส่ไฟล์เล่มเต็ม 1 อัน
- ไม้ Selfie 1 อัน (ห๊ะ??)
- จบงานได้ใบ Certified อีก 1 ใบ
หมดแล้วครับ มีแค่นี้เอง อุตส่าห์หวังจะได้เสื้อหรือเป้สักใบ -_-
แต่ก็เข้าใจนะว่าสถานที่จัดงานค่าเช่าคงแพง บวกค่านู่นนี่นี่นั่นหลายๆ อย่างก็พอรับได้อยู่ (อาหารเบรคในงานคุณภาพสูงมาก กาแฟสด, ชาสำเร็จรูปคุณภาพดีเติมไม่อั้น เครื่องดื่มพวกน้ำแร่, น้ำอัดลมยี่ห้อต่างๆ หยิบดื่มได้ตามพอใจ) ก็ถือว่าเอาเฮอะ 555555
เสื้อผ้าหน้าผมและพิธีการ
ในงานนี้แบ่งการนำเสนอเป็น 3 ประเภทคือ Poster, Oral และ Workshop (ผมนำเสนอแบบ Oral) ซึ่งคนที่มานำเสนองานนี่ก็น่าจะเป็นพวกนักวิชาการ, อาจารย์มหาวิทยาลัย และนักศึกษาปริญญาโท-เอก หลากหลายชาติครับ ที่เยอะๆ จะเป็นคนจีน (หรือเกาหลีนี่แหละ) รองลงมาก็พวกชาวแขก คนไทย แล้วก็ฝรั่งครับ ซึ่งขอบอกเลยว่าตั้งแต่วันแรกยันวันสุดท้าย ผู้ร่วมงานที่แต่งกายเรียบร้อยที่สุดต้องยกให้ชาวไทยครับ
คือเวลาไปงานพวกนี้ คาแรกเตอร์ของคนไทยจะเด่นชัดมาก ต้องมีเสื้อสูททั้งแบบสูทเต็มรูปแบบและแบบรูดซิป ต้องเป็นเสื้อเชิ๊ต กางเกงสแลค รองเท้าหนัง เรียกได้ว่าเหมือนมาเป็นประธานเปิดงานยังงั้นเลยละครับ แต่กลับกันพวกชาวจีน-เกาหลีจะแต่งตัวเหมือนเดินห้าง ผู้ชายจะใส่เสื้อเชิ๊ตแขนสั้นบ้าง คอปกบ้าง กางเกงยีนเกือบหมด รองเท้าก็ผ้าใบซะส่วนใหญ่ ส่วนผู้หญิงเสื้อจะเป็นแบบพริ้วๆ เลยครับ กางเกงก็กางเกงผ้า รองเท้าแตะหุ้มส้น ไม่เห็นมีใครใส่กระโปรงเลยซักคน ยิ่งชาวแขกนี่ยิ่งโดดเด่น บางคนมาเสื้อยืดคอกลม กางเกงเล (เฮ้ย) รองเท้าแตะหูคีบ (เฮ้ยเฮ้ย) ยังกะเพิ่งตื่นนอนหรือเพิ่งขึ้นมาจากทะเล แต่พวกนี้ส่วนน้อยนะครับเหมือนมันไม่ค่อยสนโลกเท่าไร นอกนั้นก็จะออกแนวลำลองสบายๆ มากกว่า มีแต่คนไทยนี่แหละครับที่จัดเต็มที่สุดแล้ว
ส่วนของผมเคยเห็นแนวมาบ้างเวลามีงาน Inter Conf ที่มหาลัยเลยพอรับมือถูก ก็เลยใส่เสื้อเชิ๊ตทำงานพับแขนปล่อยชาย กางเกงยีนและรองเท้าผ้าใบ มองดูรวมๆ แล้วก็กลมกลืนกับพวกแขกหรือพวกจีนเหมือนกันครับ
ส่วนพิธีการก็ถูกใจสุดๆ ครับ คือมีแค่พิธีกรของงานออกมากล่าวต้อนรับผู้มาร่วมงานทุกท่าน เล่าถึงว่าในงานนี้มีผู้ส่งผลงานทั้งหมดเท่าไร ผ่านการคัดเลือกเท่าไร และคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ (ตัวเลขชัดๆ ในงานผมฟังไม่ทัน รู้แค่ว่าผลงานที่ผ่านคิดเป็น 30% ของที่ส่งมาทั้งหมด) พูดแค่นี้แล้วก็เริ่มเชิญ Invited Speaker ขึ้นพูดเลยครับ โอ้โหมันช่างกระชับได้ใจอะไรเช่นนี้ ไม่ต้องมีกล่าววัตถุประสงค์ของงาน, กล่าวรายงานแก่ท่านประธานในพิธี หรือแม้แต่ท่านประธานในพิธีก็ยังไม่มี โอ้ววว
(ตอนที่พิธีกรดำเนินรายการ ผมสังเกตว่า Editor ของงานนี้ยืนถ่ายรูปอยู่ด้านหลังทั้งๆ ที่ตัวแกนั่นแหละน่าจะเป็นประธานเปิดงาน)
LNEE
ข้อดีอีกอย่างของงานนี้คือ ทุก Paper ที่ Accept จะได้ลงใน
Lecture Notes in Electrical Engineering (LNEE) ของ
Springer ด้วย ซึ่งมันเป็นอะไรที่หรูหราสุดยอดมากเพราะในสายเราใครๆ ก็รู้ว่า Paper ของ Springer นั้น Impact สูงและราคาแพงมาก (เคยเจอเล่มนึงมาขายตอนงาน Book Fair ราคา 7,000 กว่าบาท) ขนาดที่มหาลัยยังไม่รับ SpringerLink เลยเพราะมันแพงเหลือเชื่อ และการได้ Indexed ใน Springer นี้มันราวกับความฝันเลยทีเดียวละครับท่านเอ๊ย
เล่มที่งานผมได้ลง LNEE 339
นอกจากนี้มันยัง Indexed ใน ISI, Scopus อีกนะ แถมตอนนี้ LNEE ยังอยู่ใน Q3 ซึ่งก็ถือว่าโอเคเลยละ
เท่าที่อ่านจากในเว็บของงาน เดิมทีงาน ICISA ที่จัดมาครั้งก่อนๆ เนี่ยจะอิงกับ IEEE มาตลอด แต่เพิ่งจะมีครั้งล่าสุดคือปีนี้ที่เปลี่ยนมาเป็น Springer ซึ่งก็เสร็จเราเลย :)
คืนแรกที่ไปถึงพัทยา อาจารย์ที่ปรึกษา (ผศ.ดร.จักรกฤษณ์ เสน่ห์ นมะหุต) ก็ได้ส่งเมลมาว่างานเราได้ถูกเอาขึ้นในเว็บของ Springer แล้วนะ เห้ย !! อะไรมันจะไวขนาดนี้ O_O คลิกเข้าไปดูเลยครับ
$29.95 แน่ะ
Invited Speaker
วันแรกที่ไปก็แค่ลงทะเบียนเอาของแล้วก็อยู่ฟัง Invited Speaker ท่านนึงครับ คือ ศ.ดร.กาญจนา กาญจนสุต จาก AIT ซึ่งท่านก็มาในชุดเสื้อผ้าหน้าผมที่ทำให้ต้องตะลึงอีกคน คือท่านเล่นเสื้อผ้าฝ้าย กางเกงผ้าฝ้าย สีขาวหม่นๆ (นึกถึงชุดสไตล์ม่อฮ่อมแต่เป็นสีขาวๆ) มีผ้าพันคอหนึ่งผืน มองยังไงก็เหมือนท่านกำลังจะไปปฏิบัติธรรมมากกว่ามางานวิชาการครับ 5555555
อาจารย์กาญจนาพูดเรื่องเกี่ยวกับระบบอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงสำหรับโรงเรียนห่างไกล ซึ่งก็ได้พัฒนาอุปกรณ์และเทคนิคต่างๆ ขึ้นมาใช้เองโดยเน้นว่าต้องมีราคาถูก (ใช้ Raspberry Pi เป็นบอร์ดหลัก มีบางช่วงที่ต้องขยายสัญญาณก็เอากะทะทำกับข้าวมาต่อเป็นจานคล้ายๆ จานดาวเทียม) และประสิทธิภาพดี (ต้องดู Youtube ได้ลื่นไหลระดับเน็ต 3G, 4G เพราะสื่อการเรียนส่วนใหญ่ให้เด็กดูจาก Youtube)
Invited Speaker ท่านแรก ศ.ดร.กาญจนา กาญจนสุต
ตอนนำเสนอท่านก็ภาษาอังกฤษล้วนครับซึ่งก็ฟังออกเป็นส่วนใหญ่ แต่คงเพราะเราไม่ได้จับงานทางด้านนี้มานานพวกศัพท์เฉพาะหรือเทคนิคใหม่ๆ บางอันก็ไม่คุ้นเคยเลยอาจจะหลุดไปบ้าง แต่โดยรวมก็เป็นงานที่ดีและมีคุณค่ามากครับ (มีผู้ร่วมงานท่านนึงที่มีคำถามเยอะสุดแกมาจากอินเดีย แกว่างานนี้เหมาะกับการนำไปใช้ในประเทศแกมากๆ) ส่วน Invited Speaker ท่านที่สองผมไม่ได้อยู่ฟังเพราะอยากพาพ่อกับแม่ไปเที่ยวมากกว่าก็เลยออกมาก่อน
วันนำเสนอ
วันรุ่งขึ้น (ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของงาน) ก็ถึงคิวที่จะต้องนำเสนอแล้วครับ
ไปเจออาจารย์สองท่านที่มาจากคณะวิทย์ มน.เช่นกัน ก็คืออาจารย์ฝง (หัวหน้าภาคคอมฯ) กับอาจารย์อนามัย (ภาคคณิตฯ) ที่ไปนำเสนองานเช่นกัน ห้องเดียวกันกับผมแต่เป็นตอนบ่าย ผมอยู่ในกลุ่มเช้าและเป็นคนสุดท้ายของกลุ่มแรกก่อนเบรคทานของว่าง ก็เลยกะว่ารีบๆ พูดๆ ให้เสร็จแล้วก็รีบกลับดีกว่า
Chair ในห้องของผมมีคนเดียวเป็นฝรั่งแถมพูดฟังยากอีกตะหาก กำลังคิดๆ อยู่ว่าถ้าโดนถามขึ้นมาจะฟังออกมั้ยวะเนี่ย ก็สังเกตดูว่าคนแรกๆ ที่ขึ้นไปนำเสนอ ไม่โดน Chair ถามเลย แต่จะมีบางคนที่โดนผู้เข้าฟังถามบ้างเล็กน้อย อันนี้ก็พออุ่นใจขึ้นมาบ้าง และพอสังเกตผู้เข้าฟังในห้องก็พบว่าเป็นคนจีนและเกาหลีเป็นส่วนใหญ่ มีแขกกับฝรั่งปนมานิดหน่อย (และชอบถาม) นอกนั้นก็มีคนไทยอยู่จำนวนหนึ่ง
ฟังคนอื่นพูดไปเพลินๆ ก็ถึงคิวตัวเองละครับ เดินฉับๆ ไปหน้าเวที เสียบ USB Drive เอาไฟล์นำเสนอมาลงเครื่องที่เปิดไว้ให้ แล้วก็ร่ายเลยครับ
คนทางซ้ายคือ Chair ส่วนเรามองจอในคอมไม่ถนัดเลยขอออกมายืนข้างนอกเลย
หน้าจอนี้คือกำลังเล่าถึงผลการทดลอง
ตอนกำลังพูดๆ ไปก็แอบมองผู้ฟัง บร๊ะ !!! มองกันตาแป๋วเลย แถมบางคนมีพยักหน้าหงึกๆ อาการแบบนี้สันนิษฐานไว้เลยครับว่า มันต้องมีคำถามในใจแล้วแหงๆ และพอตูเอ่ยคำว่า Any Question? เมื่อไร ไอ้คำถามเหล่านั้นมันต้องพรั่งพรูออกมาท่วมตูจนมิดหัวแน่น๊อนนนนน
นำเสนอไปก็เตรียมใจไปละครับ เจอฝรั่งถามยังไม่เท่าไร กลัวเจอแขกกะจีนถามนี่ฟังไม่ค่อยออก ผมประมาณว่าน่าจะใช้เวลาไปทั้งหมดประมาณไม่ถึง 10 นาทีเพราะรู้ตัวว่าพูดเร็วมาก จนนำเสนอเสร็จ Chair ก็ถามทุกคนในห้อง Any Question?
ปรากฏว่าเงียบจ้า !!! ไม่มีใครถามเลย Chair ก็บอก โอเค แยกย้ายไปดื่มน้ำปัสสาวะได้แล้วจ้ะทุกคน โอ้...มันช่างรวดเร็วฉับไวอะไรปานนี้หนอ
รับใบ Certificate เสร็จ ก็เสร็จสิ้นภารกิจครับ ออกมาโทรเรียกพ่อกับแม่มาทานเบรคอย่างสบายใจ อิ่มหนำสำราญแล้วก็เตรียมกลับนครสวรรค์บ้านเกิด
ก่อนกลับจะชวนถ่ายรูปที่บอร์ด ก็พอดีมี Editor (Mr.Kuinam J. Kim) มาคุยด้วย แกก็ทักทายพ่อกับแม่ แล้วก็ถามว่าทำไมรีบกลับ เราก็บอกว่าบ้านไกลครับท่าน ต้องรีบกลับพรุ่งนี้มีงานต้องทำ แกก็พยักหน้าหงึกๆ ว่าอยู่ทานข้าวเที่ยงก่อนสิแล้วค่อยกลับ (อ้าว ก็บอกว่ารีบเว้ย) สุดท้ายก็ถ่ายรูปหมู่กันก่อนกลับครับ
ครอบครัวข้าพเจ้าถ่ายรูปร่วมกับ Editor Mr.Kuimam J. Kim หน้างาน
เสร็จภารกิจเรียบร้อยครับกับงาน ICISA 2015 เดินทางกลับบ้าน ก่อนกลับถึงนครสวรรค์มีแอบแวะไหว้พระที่อยุธยาอีกหน่อยนึง กว่าจะถึงบ้านจริงๆ ก็ค่ำละครับ เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวพอสมควรก็เลยหลับเป็นตาย (ด้วยความสบายใจ)
ผลงาน
อันนี้เป็นหัวข้อเรื่องกับบทคัดย่องานที่ไปนำเสนอมาครับผม ส่วนใครที่สนใจเอกสารฉบับเต็มสามารถไปโหลดเอาได้ที่
ResearchGate นะครับ
A Semantic Similarity Assessment Tool for Computer Science Subjects Using Extended Wu & Palmer's Algorithm and Ontology
Chayan Nuntawong, Chakkrit Snae Namahoot* and Michael Brückner
Abstract
This paper presents a process model and a system for calculating the correspondence between the content of courses in Computer Science with the standard of The Thailand Qualifications Framework for Higher Education (TQF: HEd). The aim is to improve the curriculum of universities in Thailand by meeting the standards and decreasing the duration of the operation to be more convenient. We designed an ontology of courses and TQF: HEd, and then we developed the system as a web application that can map the information from two ontologies using the extended Wu & Palmer’s algorithm and WordNet. At last, the system summarizes the consistency of the course descriptions with the body of knowledge of TQF: HEd. Tests with sample data show that this method indicates whether the course description is consistent with the standards or not. It also indicates the relative importance of each part of the body of knowledge in teaching of this subject as well.
(*Corresponding Author)
Future Works
สำหรับงานหน้าก็คงต้องเป็น Inter Conf แบบนี้แหละครับเพราะว่าต้องเริ่มเอามาเคลมจบแล้ว ก็หวังว่าจะมีโอกาสได้ไปงานดีๆ แบบนี้อีกครับ :)