นึกถึงวันนี้เมื่อปีที่แล้ว ผมกำลังนั่งซดเบียร์อยู่กับไอ้เก๊ก ที่ร้านพี่ก๊อต Creative The Container นับถอยหลังพร้อมกับดูมหกรรมจุดพลุจากงานกีฬาข้ามปีที่หนองสมบูรณ์
วันเดียวกันเมื่อปีก่อน ผมก็ทำกิจกรรมเดิมแบบเดียวกับบรรทัดบนเป๊ะๆ
นับย้อนไปอีกสัก 2-3 ปี ผมกับพวกเพื่อนๆ เป็นอะไรที่มันส์ระยำสุดๆ ตระเวนดื่มทั่วจังหวัดจนมาหยุด Countdown กันในร้านคาราโอเกะ เมาแหลก สาวตรึม หมดตูดตั้งแต่ต้นปี ออกมาเห็นพระอาทิตย์ขึ้นอีกทีตอนเช้าโน่น
แต่ปีนี้ทำไม่ได้แล้วครับ ถ้าผมสามารถออกนอกบ้านไปทำกิจกรรมแบบเดิมๆ อย่างที่เล่ามาได้ บทความนี้ก็คงไม่ได้เกิดขึ้น ที่ปีนี้ผมจำต้องหยุดอยู่กับที่ เพราะว่าผลพวงมาจากอุบัติเหตุใหญ่ที่เกิดขึ้นกับผมเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำให้ชีวิตผมต้องเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงจนถึงตอนนี้ครับ
นึกย้อนกลับไปตอนนั้น คืนวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556 ซึ่งจริงๆ มันก็เข้าสู่วันที่ 1 มีนาคมแล้วละ
แค่ชั่วแว้บเดียว ผมกับพี่โหน่งที่มาด้วยกัน ก็ย้ายจากเบาะมอเตอร์ไซค์ไปนอนเหยียดอยู่บนพื้นถนนอย่างง่ายดาย...ถูกต้องครับ รถชน
จากภาพเหตุการณ์ที่จำได้คือ ตรงนั้นเป็นสี่แยก ผมมาทางหนึ่ง รถยนต์ก็มาทางแยกด้านขวาของผม และทั้งคู่เบรกไม่ทัน ก็เลยชนกันจังๆ กลางสี่แยกนั้นเองครับ ผมกับพี่โหน่งหล่นลงมานอนกับพื้น ส่วนรถมอเตอร์ไซต์กระเด็นไปอีกทางหนึ่ง
ผมมีสติตลอดเวลา พยายามจะลุกขึ้นมาถามสภาพรถที่ผมไปชน แต่คู่กรณีบอกให้ผมนอนเฉยๆ และโทรเรียกรถพยาบาลให้ อีกไม่กี่นาทีต่อมา ผมก็โดนพันเฝือกที่ขาซ้ายและหามขึ้นเปลใส่รถกู้ภัยไปพร้อมกับพี่โหน่งที่โดนพันเฝือกที่แขนซ้ายเช่นกัน
หลังจากผ่านการเอ็กซเรย์ที่โรงพยาบาล ผมก็เข้ามานอนในห้อง ICU รอหมอที่จะมาตรวจในตอนเช้าและให้คำตอบผมว่า....กระดูกต้นขาซ้ายผม แตกกระจุยเลย
ภาพความหลอนในห้อง ICU ตอนเช้ามืด
ผมโดนผ่าตัดเล็กๆ ตอนบ่ายวันนั้น คือเจาะกระดูกหน้าแข้งของขาข้างซ้ายเล็กน้อยเพื่อเสียบเหล็กเข้าไป และเอาเหล็กอันนั้นแหละเป็นแกนถ่วงน้ำหนัก เพื่อไม่ให้ปวดทรมานมากระหว่างที่รอการตัดสินใจว่าจะผ่าตัดกระดูกที่หักเลยไหม (โรงพยาบาลที่กู้ภัยเอามาส่งเป็นโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งหมอก็เตือนแล้วว่าค่าผ่าตัดหลักแสนแน่ๆ) ได้นอนโรงพยาบาลนั้น 1 คืนและก็ตัดสินใจ Refer มาที่โรงพยาบาลใกล้บ้านที่นครสวรรค์ในวันรุ่งขึ้นเพื่อให้ใกล้บ้านและลดค่าใช้จ่ายด้วย
จากประสบการณ์ในรถกู้ภัย มาถึงประสบการณ์ในห้อง ICU และห้องผ่าตัด ตอนนี้มาเป็นประสบการณ์ในรถพยาบาลที่พาเรานอนข้ามจังหวัดอีกครับ
ในที่สุดก็ได้มาผ่าตัดตรงจุดที่กระดูกแตกหักจริงๆ วันที่ 4 มีนาคมโน่นครับ
สภาพหลังผ่าตัดใหม่ๆ
อธิบายส่วนที่ผ่าง่ายๆ คือ กระดูกมันแตกเป็นสองส่วนใหญ่ๆ หมอก็เอาสองส่วนนั้นต่อกันและดามด้วยแผ่นเหล็กขันน็อตยาวเกือบๆ เท่าต้นขา ส่วนที่แตกละเอียดเสียหายนั้นหมอต้องดูดทิ้งและเอาไขกระดูกเทียมโปะเข้าไปแทน ให้ไขกระดูกเทียมไปกระตุ้นร่างกายให้สร้างกระดูกใหม่มาให้เต็มเหมือนเดิม ประมาณนั้นครับ
ฟังดูเหมือนไม่มีอะไรมาก แต่มันใช้เวลาในการรักษานานเหลือเชื่อครับ
จากตอนแรกที่หมอประเมินไว้ว่า 3 เดือนน่าจะหาย กลายเป็น 6 เดือน...9 เดือน และในเดือนที่ 10 ผลการเอ็กซเรย์ก็แสดงให้เห็นชัดเจนครับว่า กระดูกที่กำลังสร้างใหม่นั้น มันหยุดสร้างไปซะแล้ว
และในการตรวจครั้งล่าสุดเมื่อต้นเดือนธันวาคมนี้เอง ที่ผมได้รับข่าวดีจากหมอครับ
ผ่าใหม่ เอากระดูกบางส่วนจากที่อื่นมาเสริม เพื่อให้เกิดการกระตุ้นให้สร้างกระดูกเพิ่ม...
...และนี่คือสาเหตุที่ทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไปอย่างมหาศาล นับตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2556 เป็นต้นมาครับ
ตอนแรกตั้งใจจะเขียนเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดในวันที่กลับมาเดินเหินได้เป็นปกติแล้ว แต่ ณ ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน (และจะหายเป็นปกติได้ไหม) พอดีเห็นบรรยากาศช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่รอบๆ ตัวกำลังสนุกสนานคึกคัก ก็เลยนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้
เลยเอาเหตุการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดในชีวิตเรื่องนี้มาเขียนไว้เตือนสติตัวเองอีกครั้ง
สวัสดีปีใหม่ให้ตัวเองครับ :)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น